บางคนเบื่องานเพราะไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ แต่บางคนก็เบื่องานเพราะไม่ได้ทำงานร่วมกับคนที่ใช่
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมเวิร์กนั้นจำเป็นกับงานส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะในทีมเดียวกันเองหรือการประสานงานกันข้ามแผนกก็ตาม ถ้าเราโชคดีได้ร่วมงานกับคน ‘ดีๆ’ ที่ไม่เพียงแค่ทำงานเก่ง แต่ยังคุยง่าย งานนั้นก็จะผ่านไปอย่างราบรื่น
แต่เราเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่โชคดี เพราะสาเหตุหลักสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนลาออกจากงานนั้นไม่ได้มาจากตัวงานอย่างเดียว บางครั้งก็มาจากหัวหน้าที่เจ้ากี้เจ้าการ สั่งงานตอนบ่ายต้องได้ตอนเย็น โดยไม่ถามเลยว่าเรามีงานในมือล้นแค่ไหน หรือบางครั้งก็มาจากเพื่อนร่วมงานที่ชื่นชอบการแข่งขันเสียยิ่งกว่าใคร เห็นใครดีกว่าไม่ได้ ต้องมีแซะ มีเหน็บแนมกันบ้าง
ที่คนเหล่านี้เป็นแบบนี้ ก็เพราะพวกเขาขาดสิ่งที่เรียกว่า ‘Empathy’
Empathy คืออะไร?
คนที่มี Empathy คือคนที่ ‘เข้าใจ’ ว่าอีกฝ่ายรู้สึกหรือต้องการอะไร การที่เราเห็นใจคนอื่นไม่ได้แปลว่าเราต้องเห็นด้วยกับเขาไปเสียทุกครั้ง แต่มันหมายความว่าเราพยายามเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าหัวหน้าคุณมี Empathy เวลาเขาเร่งงาน อย่างน้อยเขาก็จะถามก่อนว่าตอนนี้ว่างไหม มาช่วยตรงนี้ก่อนได้ไหม พร้อมอธิบายเหตุผลให้คุณเข้าใจว่างานนี้สำคัญอย่างไรทำไมต้องรีบทำ
กลับกัน หากหัวหน้าคุณไม่มี Empathy สิ่งที่เขาจะทำก็คือ ‘สั่ง’ ให้ทำโดยไม่ถามไถ่อะไรสักคำ หรือถ้าถามก็ถามแค่พอเป็นพิธี แต่เขาก็จะไม่สนใจคำตอบคุณอยู่ดี เพราะเขาคิดแค่ว่างานที่เขาสั่งสำคัญกว่าความรู้สึกของคุณ
ทำอย่างไรเราถึงจะมี Empathy?
เมื่อเจอกับตัวเองแล้ว เราก็คงไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้คนอื่นไม่มีความสุขกับการทำงาน มาเรียนรู้กันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เรากลายเป็นเพื่อนร่วมงานที่ใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วย
ฟังแล้วคิดตาม
ทักษะที่คนมักมองข้ามคือการฟัง เพราะหลายคนคิดว่าเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่การฟังในที่นี้ไม่ใช่แค่การ ‘ได้ยิน’ ผ่านหูไปเฉยๆ แต่คือการคิดตามเนื้อหาที่เราได้ฟังด้วยว่าเขารู้สึกโกรธ เสียใจ หรือผิดหวังนั้นเป็นเพราะอะไร เราจะได้เข้าใจเขามากขึ้น
ไม่ตัดสินความรู้สึกคนอื่น
ขณะที่เรารับฟังอีกฝ่ายระบาย ก็ต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าตัดสินคนอื่นด้วยมุมมองของตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับอีกฝ่ายทั้งหมดก็ได้ เพราะคนเราแตกต่างกัน เจออะไรมาไม่เหมือนกัน เรื่องเล็กสำหรับเราอาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา แต่เรื่องใหญ่สำหรับเรา ก็อาจเป็นเรื่องเล็กสำหรับคนอื่นได้เช่นกัน เพราะงั้น คงไม่มีใครชอบเวลาโดนพูดใส่ว่า “เรื่องแค่นี้เอง” หรอก จริงไหม?
แสดงออกว่าเราใส่ใจ
แค่รับรู้จากข้างในไม่พอ บางครั้งเราก็ต้องแสดงออกด้วย การแสดงความรู้สึกไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเห็นใครกำลังเครียดก็อาจจะลองซื้อขนมมาฝาก เห็นใครดูเหนื่อยล้าก็ลองถามไปว่า “วันนี้ดูเหนื่อยๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า?” เท่านี้คนฟังก็รับรู้ความใส่ใจของเราแล้ว
ไม่มีใครอยากร่วมงานกับคนที่คิดถึงแต่ตัวเอง มาร่วมสร้างวัฒนธรรมที่ทุกคนรู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อสังคมการทำงานที่มีความสุขกันเถอะ!
ฝึกฝนให้ตัวเองมี Empathy ไปกับ คุณมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ CEO แห่ง Sea ประเทศไทย ในคอร์ส Scale People, Scale Company “สร้างบริษัทให้โตด้วยพลังคนรุ่นใหม่” ได้ที่ CARIBER
อ้างอิง
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆแต่เมื่อพูดถึง Personal Branding…