ในชีวิตการทำงานต้องพบเจอผู้คนที่หลากหลาย นอกจากต้องใส่ใจกับลูกค้าและเพื่อนร่วมงานในทีมแล้ว การรักษาความสัมพันธ์กับหัวหน้าก็สำคัญไม่แพ้กัน ช่วงเวลานี้ที่เราได้ Work From Home อาจจะเป็นเวลาเหมาะสม ที่เราจะปรับตัวเพื่อพร้อมรับมือกับหัวหน้า และเรียนรู้วิธีที่จะเติบโตในหน้าที่การงานไปด้วย เมื่อกลับมาเจอกันที่ออฟฟิศอีกครั้ง อาจจะทำให้ความสัมพันธ์และการทำงานราบรื่นมากยิ่งขึ้น
วันนี้เราจะมาแนะนำ 6 วิธีรับมือหัวหน้า พร้อมเติบโตในหน้าที่การงาน
รู้จักสไตล์การทำงาน
ก่อนอื่นเราต้องรู้จักหัวหน้าหรือเจ้านายก่อนว่าพวกเขามีสไตล์และรูปแบบการทำงานอย่างไร อาจจะต้องใช้วิธีสังเกต ดูท่าทางบุคลิก หรือวิธีที่เขาตอบสนองต่อเราหลังจากส่งงานผิดพลาด หัวหน้าบางคนไม่ชอบการติดต่อผ่านอีเมล หรือบางครั้งหัวหน้าของเราก็ตัดสินใจด้วยสัญชาติญาณมากกว่าข้อมูลที่มีอยู่ในมือ นั่นต่างเป็นสไตล์การทำงานที่แตกต่างกันออกไป เมื่อเรารู้ว่าหัวหน้ามีรูปแบบการทำงานอย่างไร เราก็จะสามารถปรับวิธีการสื่อสารให้เข้ากับหัวหน้าได้ง่ายขึ้น เราสามารถเลือกใช้ภาษาหรือคำที่หัวหน้าพูดบ่อยๆ แล้วเน้นพูดเรื่องที่หัวหน้ามองว่าสำคัญ ยิ่งเราสื่อสารได้คล้ายกับหัวหน้ามากเท่าไร แนวโน้มที่เขาจะรับฟังเราก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
เข้าใจเป้าหมายและความต้องการ
อีกหนึ่งเคล็ดลับในการรับมือในที่ทํางานและหัวหน้าคือการพยายามทําความเข้าใจเป้าหมายหลักของหัวหน้าหรือสิ่งที่หัวหน้าให้ความสำคัญ เมื่อเรารู้ว่าหัวหน้าให้ความสำคัญกับอะไร เราก็จะสามารถปรับเนื้อหาพรีเซนต์ให้ตรงกับสิ่งที่หัวหน้าอยากรู้ได้ และถ้าเราสามารถช่วยเหลือหัวหน้าในการทํางานที่สําคัญให้สําเร็จได้ ก็จะเป็นการแสดงให้หัวหน้าเห็นว่าเราพึ่งพาได้และตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ซึ่งเป็นลักษณะพื้นฐานที่หัวหน้ามักจะมองหาในพนักงานอยู่
ทำงานเชิงรุก
วิธีนี้จะสร้างความประทับใจและแสดงให้เห็นว่าเราไม่ใช่ฝ่ายที่จะรับคำสั่งอย่างนิ่งนอนใจแต่กระตือรือร้นและพร้อมทำงานเชิงรุกเพื่อตอบสนองการทำงานได้ดีอีกด้วย ดังนั้นเมื่อพบปัญหา ให้เราเป็นฝ่ายทักไปบอกก่อนเพื่อให้หัวหน้าได้มีเวลาเตรียมตัวรับมือ อย่ามัวแต่กังวลว่าจะโดนตำหนิ เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้คือการที่หัวหน้ากลายเป็นคนสุดท้ายที่รับรู้ปัญหา
กล้าออกความเห็นในยามจำเป็น
ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับเรานั้นคือการสื่อสารสองทาง ดังนั้นอย่าได้ลังเลที่จะให้ข้อเสนอแนะกับหัวหน้าเมื่อจําเป็น ตัวอย่างง่ายๆ เช่น มีเพื่อนร่วมงานบางคนไม่ได้มีส่วนร่วมกับงานเท่าที่ควรหรือเปล่า? ทั้งทีมทํางานมากเกินไปไหม? การทำงานให้ราบรื่นหมายถึงการที่เราออกความเห็นเมื่อถึงเวลาจำเป็น แทนที่จะปล่อยให้ปัญหาถลำลึกลงไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถควบคุมได้ สิ่งที่เราควรทำคือแจ้งปัญหาให้หัวหน้าได้รับรู้อย่างสุภาพ .
เสนอทางออกให้กับปัญหา
ยิ่งมองเห็นทางออก ก็ยิ่งช่วยให้หัวหน้าเห็นทางสว่างในการแก้ปัญหา ช่วยเสนอทางออกว่าอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้จากข้อมูลที่เรามีอยู่ การมุ่งเน้นไปที่วิธีการแก้ปัญหาจะทำให้ทั้งคุณและหัวหน้ามีความสัมพันธ์ที่มั่นคงขึ้น สิ่งเหล่านี้จะฝึกฝนทักษะและทำให้เราเชี่ยวชาญในการนำเสนอทางออก แน่นอนว่าการชี้ให้เห็นถึงปัญหาเป็นเรื่องที่ง่าย ส่วนการหาแนวทางแก้ไขอาจจะทำได้ยาก เราจึงต้องเป็นทั้งคนที่เห็นปัญหา และทั้งฉลาดและมีทักษะพอที่จะหาทางแก้ปัญหาได้เช่นกัน
เป็นคนที่พึ่งพาได้
ความน่าเชื่อถือในการทำงานจะทำให้หัวหน้าไว้วางใจเรา ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเราเป็นหัวหน้าตัวเอง เราจะไว้วางใจให้เราทำงานยากๆ ไหม? ถ้ายัง เราก็ต้องใช้ความรู้และทักษะเพื่อพัฒนาให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการเป็นคนรับผิดชอบโปรเจกต์ การอาสาทำงานยากๆ การทำงานส่งตรงเวลา และมีความกระตือรือร้นในการทำงาน
แน่นอนว่าเราจะต้องพบเจอปัญหาระหว่างทางในการทำงาน แต่การเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ หรือหัวหน้าของเราอยู่เสมอถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เราพัฒนาตัวเองในการทำงานได้ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานของเรา ในวันที่ต้องโชว์ทักษะให้เห็น ลองใช้ทักษะการพูด การแนะนำ หรือการสังเกตหัวหน้ามากขึ้น ก็จะช่วยให้ความสัมพันธ์และหน้าที่การงานของเราเติบโตควบคู่กันไปได้
เรียนรู้การรับมือกับหัวหน้าให้เก่งได้ที่ https://www.cariber.co/thakorn-piyapan ไปพร้อมกับคุณฐากร ปิยะพันธ์ ผู้เข้าใจความสัมพันธ์ของพีระมิดองค์กรได้เป็นอย่างดีจากประสบการณ์มากกว่า 20 ปีที่ไต่เต้าจากพนักงานชั้นรากฐานสู่ยอดพีระมิดในคอร์ส Employee Survival Guide “อยู่ให้เป็น เอาตัวให้รอด จากศูนย์ถึง CEO”
อ้างอิง
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์
Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine ‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเ…
