เรื่องราว ‘การวิ่ง’ ที่เปลี่ยนชีวิตได้

การวิ่งเป็นการออกกำลังกายพื้นฐานที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ทั้งช่วยป้องกันโรคประจำตัวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบหัวใจ หลอดเลือด และระบบการหายใจให้ได้มีการใช้งาน และส่งผลต่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้

การวิ่งเป็นการออกกำลังกายและกีฬายอดนิยมสำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับบางคนการวิ่งเป็นมากกว่านั้น เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มต้นวิ่งเพราะอยากลดน้ำหนัก และดูแลสุขภาพ ขณะที่บางกลุ่มวิ่งแข่งขันระยะมาราธอนเพื่อชนะใจตัวเอง และบางครั้งผลลัพธ์จากการวิ่งยังเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาอีกด้วย

พบกับ 5 เรื่องราวของคนที่ใช้ ‘การวิ่ง’ เป็นแรงผลักดันและเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น หวังว่าเรื่องราวของพวกเขา จะทำให้คุณ ‘ออกวิ่ง’ ได้ง่ายขึ้นและไปได้ไกลกว่า

5 เรื่องราว วิ่งเปลี่ยนชีวิต

ดุสิต คานิโยว : จากชายผู้มีน้ำหนัก 106 กิโลกรัม สู่นักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน

จากเคยปล่อยตัวจนมีน้ำหนัก 106 กิโลกรัม สู่ความตั้งใจจะลดน้ำหนักเพราะเห็นคุณพ่อวิ่งออกกำลังกาย เขาจึงอยากลองเริ่มต้นวิ่งบ้าง ช่วงเริ่มต้นวิ่งแรกๆ วิ่งได้เพียง 200-300 เมตรร่างกายก็ไม่ไหวและมีท้อบ้าง ซึ่งเขากล่าวถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้กลับมามีแรงสู้อีกครั้งว่า “คุณพ่ออายุเยอะ แต่ท่านยังวิ่งไหว แต่เรา 30 กว่า ถ้ายังปล่อยตัวแบบนี้ ต่อไปในอนาคตคงแย่แน่นอน”

หลังผ่านปีแรกจากการโฟกัสว่าอยากลดน้ำหนัก พอได้อยู่กับตัวเองจึงอินกับการวิ่งมากขึ้นและเริ่มลงวิ่งฮาร์ฟมาราธอน ประโยชน์ของการวิ่งที่คุณดุสิตเรียนรู้คือนอกจากการวิ่งจะให้สุขภาพดีแล้วยังได้มีเวลามากขึ้นด้วย

การออกมาวิ่งไม่มีอะไรยาก ถ้ามีรองเท้าสักคู่ก็ออกมาวิ่งได้แล้วครับ

คุณดุสิตกล่าว

คุณปลา : คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ได้ชีวิตใหม่จากการวิ่ง

คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่หากย้อนกลับไปตอนคลอดลูกสาว เธอปล่อยตัวและกินยาลดน้ำหนัก ทำให้น้ำหนักจาก 70 กิโลกรัมพุ่งสูงถึง 148 กิโลกรัม จนเคยวูบหมดสติ พอฟื้นขึ้นมาเธอจึงคิดได้ว่า หากเป็นอะไรไปแล้วใครจะอยู่กับลูก เธอจึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่

คุณปลาเริ่มวิ่งออกกำลังกายเมื่อปี 2560 เพื่อดูแลสุขภาพรวมถึงควบคุมอาหาร ของมัน ของทอด แป้ง และน้ำตาล แม้ช่วงแรกๆ จะเดินอย่างเดียว และอยากล้มเลิกหลายครั้ง แต่เธอก็ได้กำลังใจจากเพื่อนๆ ที่วิ่งด้วยกัน ทำให้ฝ่าฝันอุปสรรคมาได้ และจากจุดเริ่มต้นในการวิ่งครั้งแรกด้วยน้ำหนัก 120 กิโลกรัม ทุกวันนี้เธอกลับมามีหุ่นที่ดีขึ้นอีกครั้งและยังกลายเป็นคนเสพติดการวิ่ง ชอบลงแข่งวิ่งยาวทั้งฮาล์ฟมาราธอน และมาราธอนด้วย

เหนื่อยแน่ๆ แต่ภูมิใจตัวเองมากๆ

เธอกล่าวว

สรัญ ลิ้มสวัสดิ์วงศ์ : นักวิ่งและนักสู้มะเร็ง

เรื่องราวของคุณสรัญส่งต่อพลังใจต่อนักวิ่งจำนวนมาก เมื่อหมอวินิจฉัยว่าเขาเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบริเวณขั้วปอด ขนาดใหญ่เท่าไข่ไก่ ทำให้เขารู้สึกช็อคและทำใจกับโรคร้ายที่เกิดขึ้น

หลังจากทำคีโม 6 ครั้ง ผลออกมาว่าก้อนเนื้อฟีบลง ทำให้ไม่ต้องเข้ารับการฉายแสงต่อไป เมื่อรุ่นพี่ชักชวนให้มาลองวิ่ง หลังจากคีโม 8 เดือน เขาจึงตัดสินใจเริ่มวิ่งครั้งแรก จากระยะ 10 กิโลเมตร เขาก็เริ่มฝึกซ้อมจนครบ 1 ปี สู่การลงแข่งขันวิ่งระยะมาราธอนได้ในที่สุด การวิ่งสำหรับเขาไม่ใช่แค่ให้สุขภาพดี แต่ยังให้ข้อคิด ให้เวลาเราได้อยู่กับตัวเองด้วย เมื่อโรคร้ายได้หายไป สุขภาพของเขาก็ดีขึ้นตามลำดับและกลับมาแข็งแรงเช่นเดิม

พอเรามีผลลัพธ์ที่ดี ทำให้เราเกิดกำลังใจในการวิ่ง

คุณสรัญกล่าว

ชลาธิป อินทรมารุต : วิ่งเปลี่ยนชีวิตและพิชิตโรคร้าย

จากชายที่มีน้ำหนักถึง 125 กิโลกรัมตรวจว่ามีระดับน้ำตาลในเลือดสูงถึง 659 มล. ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นเพียงแค่ 400 มล. ก็มีโอกาสช็อคได้ คุณหมอบอกว่าถ้าไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาจะอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี

ชีวิตทำงานที่กำลังไปได้สวย เขาบอกตัวเองว่ายังไม่อยากตาย คุณชลาธิปหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตทั้งไทยและต่างประเทศ พบว่ามีคนที่วิ่งแล้วหายจากเบาหวานจริงจึงลองดู สู่การลดน้ำหนัก 40 กก. ใน 120 วัน และสู้เบาหวานได้สำเร็จด้วยการวิ่ง

เขาวิ่งเฉลี่ย 300 กิโลเมตรต่อเดือน พอเดือนที่ 2 ค่าน้ำตาลเริ่มลด พอเข้าเดือนที่ 4 ทุกอย่างกลับมาสู่เกณฑ์ปกติ พร้อมกับน้ำหนักที่ลดลงกว่า 40 กิโลกรัม โรคเบาหวานที่เคยพบก็ไม่ต้องใช้ยาอีกต่อไป ไขมันพอกตับและไตอักเสบก็หาย โดยเขาต้องลดน้ำอัดลมและของหวานควบคู่ไปด้วยกับการวิ่ง 3-4 วันต่อสัปดาห์ หลังสุขภาพดี เขาก็ท้าทายตัวเองด้วยการลงแข่งขันวิ่งในรายการต่างๆ

คุณจะวิ่งช้าหรือวิ่งเร็วไม่สำคัญ เพราะคุณไม่ได้แข่งขันกับใคร แต่คุณกำลังแข่งกับตัวเอง แค่ออกมาวิ่งก็ชนะใจ ชนะข้ออ้างแล้ว

คุณชลาธิปกล่าว

นฤพนธ์ ประธานทิพย์ : ผู้ใช้การวิ่งเปลี่ยนชีวิตจนกลายเป็นนักวิ่งมาราธอนแถวหน้าของไทย 

คุณนฤพนธ์เป็นที่รู้จักของวงการนักวิ่งเมืองไทย แต่หากย้อนกลับไปหลายปีก่อน สัญญาณเตือนจากร่างกายเป็นแรงกระตุ้นให้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ตอนนั้นเขาอายุ 40 ปี และมีน้ำหนักตัวประมาณ 100 กิโลกรัม รวมถึงปัญหาสุขภาพมากมาย 

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาล้มในห้องน้ำศีรษะฟาดโถส้วมและสลบไป ทำให้เขาอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองและออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ แม้เขาไม่เคยเล่นกีฬาเลยตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยทำงาน แต่เขาเลือกการวิ่งเพราะเห็นว่าการวิ่งมีพื้นฐานมาจากการเดิน และยังส่งผลดีต่อสุขภาพหลายด้าน โดยจากที่เคยมีน้ำหนักตัวมากก็ลดลงเกือบครึ่ง และทำให้หายจากโรคภัยที่เคยรุมเร้าหลายโรคตั้งแต่โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเส้นเลือดสูง และโรคไต นอกจากนี้เขาใช้การวิ่งเป็นเครื่องมือคลายเครียดและสร้างสมาธิให้กับตัวเองด้วย 

คุณนฤพนธ์ยังเป็นนักวิ่งที่พิชิตมาราธอนรายการหลักของโลกมาแล้ว 5 รายการ คือ โตเกียว, เบอร์ลิน, นิวยอร์ก, บอสตัน และลอนดอนมาราธอน 

คอร์ส Running 101 เปลี่ยนชีวิตด้วยการวิ่ง

รู้จักตัวเองให้ลึกซึ้ง ปรับสุขภาพให้ดีขึ้น เปลี่ยนชีวิตด้วยการวิ่ง พร้อมเรียนรู้การวิ่งอย่างถูกวิธี และเคล็ดลับสู่การวิ่งที่ดีขึ้น กับ นพ. ภัทรภณ อติเมธิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Sport Medicine และเวชศาสตร์ฟื้นฟู แห่ง Running Clinic โรงพยาบาลสมิติเวช (สุขุมวิท) ในคอร์ส “Running 101 เปลี่ยนชีวิตด้วยการวิ่ง

เพราะเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง นับก้าวที่หนึ่งก่อนถึงเส้นชัย ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights