ปกติเราแก้ปัญหากันอย่างไร? เริ่มต้นจากการระดมสมองหาไอเดีย แต่สุดท้ายก็ค่อยๆ คัดออกจนเหลือเพียงทางเลือกเดิมๆ ที่ดูจะเป็นไปได้ที่สุดแล้วหรือเปล่า?
จะเป็นอย่างไรเมื่อเราสามารถขยายทางเลือกที่มีอยู่ ออกนอกกรอบเดิม และค้นหาไอเดียที่จะสร้างอิมแพคได้มากกว่านี้ล่ะ?
Tim Brown นักออกแบบที่เคยขึ้นเวที Ted Talk ได้เสนอทางเลือกที่เรียบง่ายที่สุด แต่สามารถแก้ปัญหาและสร้างผลลัพธ์ที่ทรงพลังได้ด้วยการใช้ ‘Design Thinking’
Design Thinking คืออะไร?
Design Thinking คือวิธีการแก้ปัญหาด้วยสายตาของ ‘นักออกแบบ’ ซึ่งแทนที่จะโฟกัสไปที่ปัญหานั้นๆ เรากลับมองมันในเชิงการออกแบบผ่านหลากหลายรูปแบบและมุมมอง เพื่อหาทางสร้างหรือออกแบบผลลัพธ์ในรูปแบบใหม่ด้วยวิธีที่ยังไม่เคยมีมาก่อน หรือพูดง่ายๆ ว่า Design Thinking ก็คือการแก้ปัญหาอย่างไรให้สร้างสรรค์นั่นเอง
ใช้ Design Thinking อย่างไร?
Design Thinking เริ่มต้นจากการวางคนเป็นจุดศูนย์กลาง (Human-centered core) แล้วขยายปัญหาเหล่านั้นจากคน ซึ่งในเชิงธุรกิจ การจะสร้างทางเลือกใหม่จากกระบวนการ Design Thinking ที่ทำได้จริงจะต้องคำนึงถึงอาศัย 3 ปัจจัย ได้แก่ ความต้องการของมนุษย์ ความเป็นไปได้ในเชิงปฎิบัติหรือเทคโนโลยี และสิ่งที่ตอบสนองได้ในเชิงธุรกิจ
ด้วยการเพิ่มมุมมองและทางเลือกใหม่ จนสามารถสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างจากเดิม
5 ขั้นตอนหลัก ในการแก้ปัญหาด้วย Design Thinking
- เริ่มต้นจาก ‘การทำความเข้าใจคน’ (Empathize)
Design Thinking เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ ‘คน’ หรือกลุ่มเป้าหมาย แทนที่จะเป็น การเริ่มต้นจาก ‘เทคโนโลยี’ โดยเริ่มจากคำถามที่ว่า อะไรทำให้ชีวิตคนง่ายขึ้น? เราสร้างสิ่งนี้ไปเพื่อใคร? สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร? ฯลฯ ผ่านวิธีการต่างๆ เช่น การสัมภาษณ์ การสังเกต และการมีส่วนร่วมกับผู้คน
- ระบุ ‘คำถามที่ใช่’ (Define)
สิ่งที่สำคัญที่สุดในกระบวนการ Design Thinking คือการตั้ง ‘โจทย์’ หรือ ‘คำถามที่ใช่’ เพื่อนำไปสู่คำตอบที่ถูกต้อง โดยคำถามที่ใช่นั้นสามารถระบุได้จาก ‘ปัญหา’ และ ‘ความต้องการ’ หลักของคน ซึ่งรูปแบบของโจทย์ก็เป็นเพียงคำถามเดียวที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เช่น “จะสร้างทางรถไฟจากลอนดอนถึงนิวยอร์กอย่างไร?”
นอกจากนี้ การเริ่มระบุกลุ่มเป้าหมายและจุดประสงค์ก็จะช่วยกำหนดแนวทางในขั้นตอนต่อไปได้มากขึ้น
- ระดมไอเดีย (Brainstorming)
วิธีการระดมไอเดียแบบ Design Thinking จะเลือกขยายทางเลือกให้กว้างออกไป (Expansive) มากกว่าการมองเจาะลึกในมุมแคบ (Vertical) เพื่อขยายแนวทางการแก้ปัญหาจากโจทย์ที่มีอยู่ให้กว้างที่สุด และสำรวจขอบเขตความเป็นไปได้ให้มากกว่าเดิม ในขั้นตอนนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยการร่วมระดมความคิด (Brainstorming) การคิดออกนอกกรอบ โดยยังไม่กำหนดว่าสิ่งไหนผิดหรือถูก และมักจะมองหาวิธีที่เป็นทางเลือกรองๆ (Alternative ways) ที่อยู่นอกเหนือจากวิธีหลักๆ ที่ใช้กันบ่อยแล้วให้มากขึ้น
- เรียนรู้จากการลงมือทำ (Prototype)
จากปัจจัยตั้งต้น เมื่อจะทำให้เป็นจริงได้ก็ต้องออกแบบให้เป็นไปได้ในทางปฎิบัติด้วย ขั้นตอนต่อไปจึงเป็นการเริ่มลงมือทำ เพื่อคิด ทดลองทำ และเรียนรู้จากมัน โดยเน้นสร้าง ‘ตัวต้นแบบ’ ให้เรียบง่ายที่สุด และหากล้มเหลวเมื่อไหร่ ก็เริ่มทำซ้ำขึ้นมาใหม่ให้เร็วที่สุด
Tim Brown ได้กล่าวไว้ว่า หากเราลงมือทำแล้วเราจะยิ่งเข้าใจ ยิ่งสามารถเรียนรู้และค้นหาต่อไปได้ เขายกตัวอย่างว่าการสร้างสรรค์เลนส์แว่นตาแบบใหม่ที่ราคาถูกลงในอินเดีย ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วได้ผล ก็สามารถเกิดขึ้นจากห้องใต้ดินของโรงพยาบาล ที่ ณ เวลานั้นยังไม่ได้มีเทคโนโลยีชั้นดีที่สุดแต่อย่างใด
- ทดลองการมีส่วนร่วม (Test)
เมื่อลงมือสร้างสำเร็จ ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการทดลองกับผู้คนว่ามีปฏิกริยาและมีส่วนร่วมกับสิ่งนั้นอย่างไร มีส่วนไหนที่ได้ผลดี หรือมีอุปสรรคตรงไหนบ้าง เพื่อให้เราค้นหามุมมองและทางเลือกใหม่ๆ ในการปรับปรุงและพัฒนาสิ่งที่ทำไว้ให้ดียิ่งขึ้น จนสามารถกลายเป็น ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ และกระจายต่อในวงกว้างได้
เรียนรู้ตัวอย่างการปรับใช้ Design Thinking เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ได้ ในคอร์ส Employee Survival Guide อยู่ให้เป็น เอาตัวให้รอด จากศูนย์ถึง CEO โดยคุณฐากร ปิยะพันธ์ อดีตประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ และ CEO เครือไทย โฮลดิ้งส์
อ้างอิง: https://bit.ly/3EJCIXn https://bit.ly/3lYHVDb
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆแต่เมื่อพูดถึง Personal Branding…