Rockhound: ช่างภาพมืออาชีพที่ผลงานดังไกลถึงต่างแดน

จากสจ๊วตผู้หลงใหลการเดินทางทั่วโลก และเริ่มต้นรับงานถ่ายภาพผ่านอินสตราแกรมควบคู่กับงานประจำพร้อมความเชื่อที่ว่า “กล้าออกจาก comfort zone” 

สู่ช่างภาพมืออาชีพที่มีผลงานดังไกลถึงต่างแดน สร้างสรรค์ทั้งงานภาพนิ่งและเล่าเรื่องผ่านภาพเคลื่อนไหวจนมีผู้ติดตามในอินสตราแกรมมากกว่า 1 แสนคน

อ่านบทความที่สะท้อนความเป็นตัวตนของช่างภาพสุดเท่อย่าง ‘พี่ตั้ม’ ชนิพล กุศลชาติธรรม ได้ที่นี่.

ความฝันของเด็กชายตั้ม

ครอบครัวของพี่ตั้มทำกิจการขายเสื้อผ้าอยู่ย่านประตูน้ำ เขาจึงเติบโตมาอย่างใกล้ชิดกับอาม่ามากกว่าเพราะพ่อแม่ต้องออกไปทำงานข้างนอก พี่ตั้มชอบเดินทางมากและทุกครั้งที่ไปต่างประเทศอาม่าจะเป็นคนพาไปตลอด และอุปกรณ์ที่เขาจะพกติดตัวเขาไปตลอดทุกการเดินทางคือ ‘กล้องถ่ายรูป’ เพราะตอนนั้นกล้องถ่ายรูปเป็นเพียงของไม่กี่อย่างที่น่าสนใจ ในการพกติดตัวไปเที่ยวด้วย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาคุ้นเคยกับการถ่ายภาพ และเป็นจุดที่ทำให้พี่ตั้มชอบกล้องถ่ายรูป แต่เขารู้สึกว่ากลไกของกล้องซับซ้อนไปเลยหันมาใช้โทรศัพท์ถ่ายก่อน

ความฝันของพี่ตั้มในวัยเด็กคือการเป็นนักบินอวกาศและทูต เพราะได้ดูหนังเรื่อง Armageddon ทำให้เขาประทับใจในอาชีพนักบินอวกาศ และอยากเป็นทูตเพราะรักการเที่ยวและชอบภาษา 

Take off สู่สจ๊วต

เขาเลือกเรียนต่อสาขา Business English (Hotel) ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) หลังเรียนจบเขาสมัครงานเป็นสจ๊วตตามที่ตั้งใจเพราะอาชีพสจ๊วตใกล้เคียงกับความหลงใหลในการเดินทางและได้ใช้ภาษาอังกฤษแบบที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดในช่วงวัยเด็ก นอกจากนี้ยังมีรายได้ดีและเที่ยวพร้อมทำงานไปด้วยได้

บอกเล่าการเตรียมตัวเป็นสจ๊วต

สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลความปลอดภัยบนเครื่องบิน แต่กลับเป็นสิ่งสุดท้ายที่คนนึกถึงสจ๊วต

พี่ตั้มกล่าว

พี่ตั้มบอกว่าอาชีพสจ๊วตเปลี่ยนชีวิตของเขาในหลายเรื่อง เช่น ทำให้เขามีระเบียบมากกว่าปกติ และเป็นคนช่างสังเกต เขามีคำแนะนำสำหรับคนที่อยากทำอาชีพนี้ว่ามี 3 สิ่งที่สำคัญและต้องเตรียมตัวให้พร้อม คือ บุคลิกภาพ มนุษยสัมพันธ์ และภาษา พี่ตั้มบอกว่าการสัมภาษณ์ของแต่ละสายการบินแตกต่างกันนิดหน่อย ซึ่งความพร้อม ภาษา และการแต่งกายเป็นส่วนเสริมให้มีโอกาสมากขึ้น แต่หัวใจหลักคือเรื่องการพูดคุยตอบคำถามที่ชัดเจนและรู้เรื่อง

Landing บนการถ่ายภาพ

ช่วงที่ทำงานสจ๊วตอยู่ แอปพลิเคชั่นอินสตราแกรมก็พัฒนาขึ้นมาพอดี และความชอบถ่ายรูปที่ติดตัวพี่ตั้มมาตั้งแต่เด็กทำให้เขาสนใจแอปฯ นี้เพราะใช้งานง่าย สะดวก ไม่ต้องคิดเยอะ

แต่หลังจากสมัครใช้ชื่อแอคเคานต์ ‘Rockkhound’ พี่ตั้มเรียนรู้และฝึกถ่ายภาพ ฝึกดูแสง และกดชัตเตอร์ผ่านอินสตราแกรมในไอโฟน จนเขาเห็นว่ามีคนรับงานถ่ายภาพมากขึ้นจึงตัดสินใจซึ้อกล้องระดับโปรมาพกติดตัวในเวลาทำงานเป็นสจ๊วตไปพร้อมกันด้วย

เขาเล่าให้ฟังว่าการถ่ายรูปผ่านอินสตราแกรมไม่ได้ให้แค่พอร์ตโฟลิโอรูปถ่าย แต่ยังทำให้เขาได้เพื่อนทั่วโลกที่รู้จักกันผ่านรูปภาพ จนวันที่เอเจนซี่เห็นรูปที่เขาโพสต์ เลยทำให้ได้ติดต่อรับงานจากต่างประเทศ

ตอบรับโอกาส เชื่อในสิ่งที่ทำอยู่ว่ามีความสุขที่จะทำ

พี่ตั้มกล่าวถึงการทำงานกับต่างประเทศ

ไม่มีจุดที่ไม่อยากถ่าย

แม้ในงานสร้างสรรค์จะมีหลายคนที่รู้สึกว่าตันเมื่อต้องทำสิ่งนั้นซ้ำๆ แต่สำหรับพี่ตั้มเขาไม่เคยเจอทางตันในการถ่ายภาพ ทุกอย่างใหม่หมดสำหรับเขาเพราะไม่ได้เรียนสายตรง พี่ตั้มบอกว่าเขาชอบที่จะค้นหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาทักษะตัวเองอยู่เสมอเลยไม่มีความรู้สึกตัน ได้ตามเพื่อนๆ ในไอจีทั่วโลกด้วย เวลาโตจึงรู้สึกโตไปพร้อมกัน รวมถึงได้รับงานใกล้เคียงกัน ทำให้เขาอยากทำได้หลายๆ อย่าง หลายๆ สไตล์

มันเลยมีอะไรให้ explore ให้ได้ทดลองอยู่ตลอด ผมว่าผมไม่ตันเพราะตรงนั้น

พี่ตั้มกล่าวเสริม
May be an image of nature and waterfall
Facebook: Rockhound

ลาออกจากงานสจ๊วต

ถ้าอยากเข้าใจตัวเอง ต้องรู้จักถอยบ้าง

พี่ตั้มกล่าว

เมื่อถึงจุดหนึ่งตลาดรับถ่ายภาพก็เริ่มเฟ้อเพราะมีคนรับงานมากขึ้น เขาจึงถอยออกมาเพื่อหาโอกาสใหม่ๆ เขาถูกเพื่อนชักชวนให้ลองถ่ายรูปแฟชั่นดู และเมื่อมีโอกาสไปเจอช่างสูทถึงอิตาลีจึงร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจร้านสูท ‘Sprezzatura Eleganza’ กับเพื่อนด้วย

เขาลังเลกับตัวเองอยู่หลายปี แต่พอเริ่มเห็นโอกาสและรายได้ที่มั่นคงขึ้นในงานอื่นจึงตัดสินใจลาออกจากอาชีพสจ๊วต เพื่อหาความท้าทายใหม่ที่ทำให้เขาสนุกมากขึ้น เพื่อตั้งใจจะให้เวลาที่มีทั้งหมดกับอาชีพในสายงานด้านภาพ เพราะเป็นสจ๊วตไปด้วย เราต้องให้เวลากับการเป็นสจ๊วตเป็นหลัก เพราะเป็นอาชีพที่ใช้เวลา และพลังเยอะมากๆ

คำแนะนำจากคนที่ไม่ได้เรียนถ่ายภาพ

“เราไม่จำเป็นต้องถ่ายรูปเพื่อเป็นช่างภาพ ไม่จำเป็นต้องทำอาหารเพื่อเป็นเชฟ ถ้าชอบมันมาก ก็ศึกษาแล้วทำ” คือคำพูดจากประสบการณ์ตรงของพี่ตั้ม เขาบอกว่าการเรียนรู้ที่จะถ่ายรูปหนึ่งใบนั้นเกิดจากแรงบันดาลใจที่จะลงมือทำให้ได้ในแบบของตัวเอง และสำหรับเขาแรงบันดาลใจไม่เท่ากับความตื่นเต้น เพราะความตื่นเต้นอาจสอนให้เราตั้งเป้าเพื่อทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ สุดท้ายก็จะทำได้ไม่นาน

เมื่อมีงานมาพี่ตั้มบอกว่าหากเตรียมตัวดีก็จะรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำ แต่ในทางกลับกันหากเตรียมตัวได้ไม่ดีพอ ตัวเขาก็จะรู้สึกทันทีว่าไม่พร้อมและตระหนก ซึ่งหากใครที่อยากเป็นช่างภาพก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ

Rockkhound

Rockkhound สร้างชื่อจากผลงานในอินสตราแกรม และต่อยอดกลายเป็นเพจเฟซบุ๊ก พี่ตั้มเล่าให้ฟังว่าเพจสามารถลงรูปเป็นอัลบั้มได้ทำให้คนติดตามสามารถดูรูปได้มากขึ้น เขาออกเดินทางมากขึ้นเพื่อสร้างความแตกต่างจากคนอื่นในตลาด ซึ่งในเป็นสิ่งสำคัญที่สุดฐานะศิลปิน

เราจะเดินทางมาครึ่งโลกเพื่อถ่ายรูปที่คนอื่นถ่ายแล้วทำไม

เขากล่าว

พี่ตั้มบอกว่าหลังจากลาออกจากงานประจำเพื่อถ่ายภาพเต็มตัว ทำให้เขารู้ว่าการเริ่มธุรกิจของตัวเองไม่ง่าย เพราะว่าต้องใช้เวลาทุกวินาทีเพื่อเอาตัวรอด ไม่สามารถนั่งเสียเวลาได้ นอกจากนี้เขายังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างเช่น การถ่ายภาพงานแต่งงาน  และการถ่ายวิดีโอที่มีจุดเริ่มต้นมาจากคำแนะนำของเพื่อนที่อยากให้เขาลองถ่าย Vlog จึงสนใจและพัฒนาคอนเทนต์วีดีโอมากขึ้น เพราะ “วิดีโอไม่มีลิมิตในการเล่าเรื่อง” และในฐานะคนทำหน้าที่ทั้งกำกับ คิด และถ่าย ก็สอนให้พี่ตั้มเข้าใจว่าการถ่ายวิดีโอได้ดีต้องรู้จักมองรอบด้านและเล่าเรื่องจากสิ่งที่มีให้ได้

May be a closeup of 1 person
Facebook: Rockkhound

อยากเป็นมากกว่ากว่าช่างภาพ

พี่ตั้มตอบคำถามกับเราที่ว่าถ้าวันหนึ่ง Rockkhound เป็นมากกว่าช่างภาพว่า หลังจากเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ที่คนในครอบครัวของเขาติดโควิด 8 คน จนทำให้มีคนเสียชีวิต 1 คน เขาอยากระบายไอเดียในหัวออกมาเป็นวิดีโอ แต่ก็อยากได้เพลงที่ชอบเลยทำเพลงขึ้นมาเองแล้วปล่อยให้คนอื่นดาวน์โหลดไปใช้งานได้ด้วย “เหมือนที่ Rockkhound เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปรับไปตามเวลา ปี 2017 ชอบอย่างหนึ่ง พอเข้าปี 2018 เปลี่ยนไปชอบอย่างนึง  ปี 2021 ผมก็ชอบอีกอย่าง” เขากล่าว

เขาเล่าว่าเพลงและดนตรีเป็นอีกความชอบที่รู้สึกสนุก และเคยถ่ายภาพ DJ อย่าง Marshmellow, Alan Walker และ illenium จากคอนเนคชั่นผ่านอินสตราแกรมเหมือนเดิม พี่ตั้มจึงนำเพลงสไตล์นี้มาใช้เพราะคิดว่าเหมาะกับวิดีโอที่ต้องการถ่ายทอด และอนาคตก็คงสร้างสรรค์ไอเดียของตัวเองผ่านทั้ง ภาพนิ่ง วิดีโอ และ ดนตรีที่เป็นตัวตนของ Rockkhound มากขึ้นด้วย

พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

สิ่งที่ทำให้ Rockkhound และพี่ตั้มประสบความสำเร็จคือการทำสิ่งใหม่อยู่เสมอ เขาบอกว่าต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง หลายคนอาจพบทางตันหรือหมดแพชชั่น แต่พี่ตั้มแนะนำว่าต้องถอยออกมาแล้วไปหาอย่างอื่นทำ เพราะสิ่งใหม่ๆ จะทำให้เราเห็นโอกาสใหม่ๆ ของตัวเอง รวมถึงเป็นการพักผ่อนด้วย

May be an image of nature and road
Facebook: Rockkhound

เป้าหมายที่สำคัญคือวันนี้

ย้อนกลับไปหลายปีก่อน พี่ตั้มเคยตั้งเป้าหมายหลายอย่างแต่ตอนนี้เป้าหมายของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว การมองภาพยาวและมีเป้าหมายเป็นสิ่งดี ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันต่างหาก

ทุกวันนี้เรากำลังแข่งกับอัลกอริทึมและ AI ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือเราต้องทำในสิ่งที่เป็นตัวเอง พี่ตั้มเสริมว่าความขยัน อดทนและไม่ขี้เกียจอาจเป็นคำพูดที่ใครหลายคนหยิบยกมาใช้เมื่อให้คำแนะนำ แต่สำหรับเขาสิ่งเหล่านี้คือความเป็นมนุษย์่ที่จะสร้างสไตล์เฉพาะตัวของผลงาน สร้างสิ่งที่มีคุณค่ามีความหมายต่อคนดู และเอาชนะเทคโนโลยีได้

บทเรียนที่อยากฝาก

เราฟังเรื่องราวของพี่ตั้มที่ผันตัวจากอาชีพในฝันมาสู่การเป็นช่างภาพที่ได้รับการยอมรับและสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานมาจนถึงช่วงสุดท้าย พี่ตั้มฝากบทเรียนสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังทำงานหรือค้นหาตัวเองอยู่ในตอนนี้ว่า “ให้ทำในสิ่งที่ชอบทำออกมาในแบบที่ยากขึ้นเรื่อยๆ ทำในสิ่งที่รู้สุดยอดพัฒนาได้จริงๆ” 

พี่ตั้มทิ้งท้ายว่าไม่ว่าอาชีพใดก็ตามควรได้ทำสิ่งที่ชอบจริงๆ และต้องทำสิ่งที่ยากด้วย อย่าหวังทำเพื่อแค่ทำเสร็จ เพราะมีคนทำแบบนั้นเยอะแล้ว

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights