ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์: ชายผู้ที่สร้างกำไรให้นักลงทุนมากมายด้วยแพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้น Jitta

รู้ให้เร็วที่สุดว่าอยากจะทำอะไร ชอบอะไร แล้วโฟกัสสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ถ้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำอยู่ทำไปเพื่ออะไร ให้เริ่มทำมันใหม่ทั้งหมดแล้วทุกอย่างจะเชื่อมโยงมาถึงเราเอง ชีวิตเราจะมีความหมายเมื่อได้ตามหาเป้าหมายใหม่ๆ แล้วสักวันเราจะเจอสิ่งที่ใหญ่พอที่จะลงมือทำให้เต็มแรง

วันนี้ Career Fact จะมาเล่าเรื่องราวของ ‘พี่เผ่า’ ชายผู้ที่สร้างกำไรให้นักลงทุนมาแล้วมากมายด้วยแพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้นที่ทันสมัย ชายผู้เชื่อว่าเมื่อไรที่เราตื่นมาแล้วไม่มีความสุข นั่นแปลว่าเราต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในชีวิต

คิดอย่างไรให้ธุรกิจยืนได้ในระยะยาว? ก้าวข้ามความผิดหวังมาได้อย่างไร? ที่นี่มีคำตอบ

การทำธุรกิจคือความฝัน

อยากเป็นนักมายากล อยากเป็นนักสืบ

พี่เผ่ากล่าว

ตอนเด็กๆ พี่เผ่าอยากเป็นอะไรมากมายตามประสาเด็กธรรมดา แต่พอเขาโตขึ้นก็เริ่มมีความคิดที่เป็นรูปเป็นร่างว่าอยากทำธุรกิจและอยากสร้างอิมแพคให้สังคม

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่บ้านของเขาทำธุรกิจอยู่เเล้ว ตอนเป็นเด็กพี่เผ่าก็เคยสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองด้วยการปล่อยเช่าหนังสือการ์ตูน แต่ทำไปทำมากลับล้มเหลวเพราะลูกค้าดันทำหนังสือการ์ตูนหาย เงินก็เก็บจากพวกเขาไม่ได้ เลยต้องเลิกไป พอโตขึ้นมาอีกนิดเขาก็ไปซื้อขนมแพ็กราคาขายส่งมาขายปลีกเพื่อหาเงิน ช่วงมัธยมพี่เผ่าก็ถ่ายภาพขายตามวันกีฬาสี พูดง่ายๆ คือเขาลองทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ มาตลอด

ช่วงที่ขึ้นมหาวิทยาลัยเขายุ่งจนลืมความฝันการทำธุรกิจไปชั่วขณะ จนมาช่วงที่เรียนจบก็ได้ทำงานที่บริษัทหนึ่งช่วงนั้นได้มีโอกาสอ่านหนังสือด้านการลงทุนอย่าง The Richest Man in Babylon และ Rich Dad Poor Dad เลยเริ่มรู้สึกตัวว่างานที่ทำอยู่มันไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ นั่นคือการมี Passive Income ที่มากพอเพื่อใช้เวลาที่เหลือในการทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคมโดยไม่ต้องคอยเป็นกังวลเรื่องเงิน เพราะเขาเชื่อว่าคนที่ประสบความสำเร็จนั้นมีปัจจัยมาจาก “สังคม” ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเพราะโชคดีเกิดมาในครอบครัวที่ดี ทำให้มีโอกาสมากกว่าคนอื่น หรือเพราะโชคดีที่คนในสังคมจ่ายเงินซื้อสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมา นั่นเท่ากับว่าพวกเขา “เป็นหนี้” คนในสังคมอยู่ เมื่อหาเงินได้มากพอจึงควรคืนกำไรสู่สังคมบ้าง

เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว พี่เผ่าจึงคิดว่าถึงเวลาต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิต แต่ตอนนั้นพี่เผ่ายังนึกไม่ออกว่าจะทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างไร พี่เผ่าจึงลาออกจากงานไปเรียนต่อเพื่อค้นหาโอกาสที่ดีกว่า

จุดเริ่มต้นของ Jitta

พี่เผ่าบอกว่าถ้าเราตื่นมาแล้วเราพบว่าสิ่งที่ทำอยู่ในทุกวันมันไม่ใช่ สิ่งที่เราต้องทำคือเริ่มเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะดีหรือไม่ก็ตามยและเห็นว่าความรู้ตรงนี้มีประโยชน์เลยอยากแบ่งปันให้คนไทยได้รู้ หนังสือชื่อ Google Makes Me Rich จึงเกิดขึ้น

หนังสือของพี่เผ่าขายดีจนติด Best Seller ที่ไทยเขาเลยกลับมาทำธุรกิจที่นี่ พอถึงจุดหนึ่งพี่เผ่าก็รู้สึกว่ามันยังสร้างอิมแพคกับสังคมได้ไม่มากพอเพราะไม่ว่าจะสอนหรือให้ความรู้มากเท่าไร ผลลัพธ์ก็จะเกิดขึ้นแค่ในไทย พี่เผ่าเลยคิดถึงก้าวต่อไปในการทำงานว่าจะต้องเป็นสิ่งที่ให้อะไรกับสังคมได้มากกว่านี้ ทำให้พี่เผ่าพักเรื่องการเขียนหนังสือไปแล้วแบ่งเวลาตอนเช้า 30 นาทีมาทบทวนสิ่งที่ตัวเขาอยากจะทำในทุกๆ วันแทน โดยช่วงเวลาอื่นก็ศึกษาเรื่องการลงทุนไปด้วย

พอสินทรัพย์ของพี่เผ่าเริ่มงอกเงย ก็เริ่มมีคนสนใจและเข้ามาขอคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนกับพี่เผ่า นั่นเป็นทำให้พี่เผ่าคิดขึ้นมาได้ว่ามีหลายคนมากที่เก่งและเชี่ยวชาญด้านอื่นแต่กลับไม่ได้ร่ำรวยหรือมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้เพราะไม่มีโอกาสเรียนรู้เรื่องการลงทุน เเพล็ตฟอร์มวิเคราะหุ้น ‘Jitta’ จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อการลงทุนแนวเน้นคุณค่า หรือ Value Investing (VI) เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรายย่อย สถาบัน หรือที่ปรึกษาด้านการเงิน ให้ผู้ที่มาลงทุนสามารถเอาชนะดัชนีตลาดได้โดยไม่ต้องจดจ่อกับการวิเคราะห์การลงทุนแบบเดิมๆ

เรียนรู้จากความผิดพลาด

เพราะเคยผ่านการทำธุรกิจและตั้งบริษัทมาก่อน พี่เผ่าจึงเห็นปัญหาจากการทำบริษัทแรก อย่างแรกคือที่บริษัทเก่าพี่เผ่าเป็นคนตัดสินใจแทบทุกอย่าง ทำให้การแก้เป็นหาเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าที่ควร เมื่อมาทำ Jitta พี่เผ่าจึงเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรใหม่หมดให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ต้องมีการกระจายอำนาจการตัดสินใจ เพื่อไม่ให้ทุกการตัดสินใจกระจุกอยู่ที่พี่เผ่าคนเดียว เพราะหน้าที่ CEO คือการวางทิศทางภาพรวม ไม่ใช่การรู้ทุกเรื่อง

อย่างที่สองคือเรื่องอิมแพค พี่เผ่าต้องการขยายอิมแพคให้ไปถึงระดับโลกไม่ใช่แค่ในเมืองไทย Jitta จึงเป็นแพลตฟอร์มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เริ่ม จนปัจจุบันมีผู้ใช้งานที่เป็นชาวต่างประเทศถึง 20%

อย่างสุดท้ายที่พี่เผ่ามองคืออนาคตของบริษัทว่าจะต้องยืนอยู่ได้ในระยะยาว ต้องไม่ใช่ Industry ที่มีกระแสแค่ช่วงหนึ่ึงแล้วหายไป การเงินการลงทุนจึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุด

อุปสรรคและความท้าทายในช่วงแรกและผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร

พี่เผ่าเล่าว่าเคยท้อเเท้มากในช่วงแรก เป็นช่วงที่ Jitta เปิดให้ใช้งานครั้งแรกที่อเมริกาแต่เสียงตอบรับไม่เป็นแบบที่คิดไว้ ที่พี่เผ่ารู้สึกผิดหวังกับตัวเองที่สุดคือการที่เขานำทางบริษัทและพนักงานทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวเขามาผิดทางจนต้องเริ่มต้นใหม่หมด พี่เผ่าใช้เวลาในการศึกษาปัญหาและหาทางแก้ไขอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะประชุมกันในบริษัทเพื่อให้ได้ทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด

การหารือครั้งนั้นทำให้ ‘Jitta Wealth’ ถือกำเนิดขึ้น เพราะปัญหาของ Jitta คือความไม่ยั่งยืน ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าคนที่เข้ามาลงทุนจะได้ผลกำไร แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น Jitta Wealth จากเดิมที่แค่อำนวยความสะดวก ก็เพิ่มการเข้ามาช่วยบริหารกองทุน ช่วยซื้อ-ขายหุ้นให้ด้วยสำหรับคนที่ไม่มีเวลาศึกษาด้วยตัวเองมากพอ นอกจากนี้ พี่เผ่ายังพยายามคิดโมเดลธุรกิจที่ช่วยลูกค้าลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน เช่น การคิดค่าธรรมเนียมที่ต่ำ เพราะคำถามของ Jitta ไม่ใช่ “จะทำอย่างไรถึงจะทำกำไรให้ได้มากที่สุด” แต่เป็น “จะทำอย่างไรเพื่อให้ช่วยเหลือคนให้ได้มากที่สุด”

Mercenary vs Visionary

พี่เผ่าบอกว่าวิธีคิดของนักลงทุนมี 2 อย่างคือ Mercenary กับ Visionary

Mercenary จะเป็นความคิดที่มุ่งสู่เป้าหมายให้ได้เพียงอย่างเดียว ถ้าเป้าหมายนั้นสำเร็จก็ออกไปทำเป้าหมายใหม่

Visionary จะต่างกันตรงที่คนประเภทนี้จะมีมุมมองที่กว้างไกล มองเห็นภาพใหญ่ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่จนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้าง ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่ในขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ก็มีความมุ่งมั่นค่อนข้างสูงเพราะอยากเห็นภาพในฝันกลายเป็นความจริง เพราะฉะนั้น เวลาเจออุปสรรคระหว่างทาง คนกลุ่มนี้ก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ธุรกิจก็จะอยู่ได้ในระยะยาว

เมื่อเจอความผิดหวังจะก้าวข้ามมันยังไง

เป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องเผชิญหน้ากับความผิดหวัง เมื่อเริ่มต้นทำสตาร์ทอัปโดยที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เพราะการเริ่มต้นยากเสมอเนื่องจากไม่มีอะไรที่แน่นอน

พี่เผ่าเล่าว่าตัวเขาเองเคยเป็นนักลงทุน เคยทำธุรกิจมาหลากหลาย เคยต้องปิดธุรกิจไปบางตัว เคยเล่นหุ้นขาดทุน ซึ่งทุกปัญหาและทุกความผิดหวังที่เคยเกิดขึ้นนั้นเองที่เป็นภูมิต้านทานที่ดีที่สุด เขายังชอบอ่านหนังสือประเภทความคิด ปรัชญาการใช้ชีวิต กุญแจความสำเร็จ ทำให้รู้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ นั้นชีวิตเขาผ่านอะไรมาบ้าง ความผิดหวังที่เขาเจอมีมากแค่ไหน ทำให้ได้ทบทวนกับตัวเองว่าสิ่งที่เรากำลังเจอถ้าเทียบกับคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ มันยังถือว่าน้อย

พี่เผ่าเชื่อว่าเหรียญมีสองด้านและปัญหามีทางแก้เสมอ ขอแค่มองให้เห็นถึงด้านดีของมันเอาไว้ เช่น สิ่งที่เราทำมันมีคุณค่าหรือมีประโยชน์ต่อคนอื่นหรือเปล่า แล้วปัญหาทุกอย่างจะเล็กลง หน้าที่ของเราคือการหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานั้น แม้ทางออกนั้นจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่สิ่งสำคัญคือต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้ บางอย่างอาจใช้เวลาเป็นปี เป็นสิบปี แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีเราก็ควรมุ่งมั่นทำมันต่อไป

สาเหตุที่หลายคนกลัว ‘ปัญหา’ เพราะมองว่าทุกปัญหาที่เข้ามานั้นใหญ่หมด เราก็เลยเครียดกับทุกปัญหาที่เข้ามา โดยไม่พิจารณาภาพใหญ่ว่าปัญหานั้นส่งผลกระทบกับบริษัทมากแค่ไหน บางครั้งมันอาจไม่ใช่อะไรที่มีผลมากแต่แรก หรือบางครั้งมันอาจจะเป็นปัญหาที่ใหญ่จริงๆ แต่ถ้าเราผ่านมันไปได้ เราก็จะเติบโตไปอีกขั้น พี่เผ่าจึงอยากให้ทุกคนมองว่าปัญหาไม่ใช่อุปสรรคขวางกั้นความสำเร็จแต่คือความท้าทาย ที่เราควรเอาชนะมันให้ได้

Success Story

มีเรื่องเล่าหนึ่งของ Jitta ที่พี่เผ่าเล่าให้พนักงานใหม่ฟังอยู่เสมอเพราะต้องการสื่อสารให้ทุกคนรู้ว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”

พี่เผ่าเล่าว่าช่วงที่ประกาศว่าจะทำ Jitta Wealth มีอยู่ 2 ประเด็นที่ทำให้ทุกคน ‘ช็อก’ ประเด็นแรกคือไม่มีพนักงานคนไหนในบริษัทเคยทำด้านการจัดการกองทุนมาก่อน แม้กระทั่งพี่เผ่าเองอย่างมากก็เคยเป็นคนลงทุนในกองทุนเท่านั้น แต่ยังไม่เคย ‘ทำงาน’ ด้านนั้นอย่างจริงจัง ทำให้แค่เริ่มคิดก็ท้อใจแล้ว แต่เพราะยังมีหวังว่า Jitta จะสามารถทำประโยชน์ให้กับนักลงทุนที่เข้ามาใช้แพลตฟอร์มได้จึงเดินหน้าทำ Jitta Wealth ต่อจนออกมาเป็นรูปเป็นร่างในที่สุด

ประเด็นชวนช็อกที่สองคือการตั้งเป้าหมายปีแรกว่าต้องมี AUM (Assets Under Management สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ) ถึงหนึ่งพันล้านบาทซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับการเริ่มต้น จนทำให้ Jitta Wealth ต้องล่าช้าในการเปิดให้บริการ แต่สุดท้าย Jitta Wealth ก็มี AUM ที่ 750 ล้านบาท ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ตามเป้า แต่พี่เผ่าก็ยังมองว่าการตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ไว้ก่อนก็ย่อมดีกว่า เพราะถ้าเขาตั้งเป้าแค่ 500 ล้านบาท พวกเขาก็อาจจะหยุดอยู่แค่ตรงนั้น

แต่ในขณะเดียวกัน พี่เผ่าก็อยากฝากว่าให้ตั้งเป้าแบบมีหลักการด้วย จำนวนพันล้านอาจจะฟังดูเยอะหากมองเป็นเม็ดเงิน แต่เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมการลงทุนที่มีเงินหมุนเวียนหลักล้านล้าน พันล้านก็เท่ากับ 0.01% ของส่วนแบ่งในตลาดเท่านั้นเอง

ภาพสุดท้ายของ Jitta

พี่เผ่าบอกว่าอยากให้ Jitta สามารถวิเคราะห์หุ้นได้ในระดับโลก จนเวลาที่ใครสนใจจะลงทุน Jitta จะต้องเป็นตัวเลือกเเรกในความคิดของคนๆ นั้น พี่เผ่ายังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้สามารถขยายให้โตขึ้นได้ในอนาคต และมันจะมีประโยชน์กับคนทั้งโลก

ไม่ว่าสิ่งนั้นจะยากแค่ไหน จะใช้เวลานานเท่าไร ถ้าสิ่งที่เราทำคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน สุดท้ายมันจะเป็นไปได้

พี่เผ่ากล่าวทิ้งท้าย

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights