ถนอม เกตุเอม: เจ้าของ TAXBugnoms ผู้ที่ไม่ขอนิยามตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญฺด้านภาษี

วันนี้ Career Fact มีโอกาสพูดคุยกับ ‘พี่หนอม’ ถนอม เกตุเอม หรือที่หลายๆ คนรู้จักในชื่อ ‘พรี่หนอม’ แห่ง TAXBugnoms (แทกซ์-บัก-หนอม) บล็อกเกอร์ นักเขียน และวิทยากร ผู้ที่ไม่ขอนิยามตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญฺด้านภาษี แค่เรียนรู้แล้วมาบอกต่อคนอื่นๆ ในสิ่งที่เขารู้

ชีวิตในวัยเด็ก

ที่บ้านของพี่หนอมเป็นสำนักงานบัญชี ในวัยเด็กเขาจึงใกล้ชิดกับตัวเลขเพราะต้องช่วยคุณแม่ทำงานนั่งบวกเลขตั้งแต่สมัยประถม พี่หนอมเคยฝันอยากเรียนสถาปัตย์ตอนเรียนมัธยมถึงขนาดที่เลือกสายเรียนแล้วแต่พอเรียนไปสักพักรู้สึกว่าไม่ใช่ทาง ทำให้เขาตัดสินใจเลือกเรียนบัญชีเพราะคิดง่ายๆ ว่าอยากทำงานกับที่บ้าน จึงสอบเทียบยื่นคะแนนเข้าสาขาบัญชี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จากเอกชนสู่งานราชการ

พี่หนอมเล่าให้ฟังว่าด้วยความที่เขาชอบความสบายๆ ธรรมดา คิดแค่ว่าเรียนจบแล้วทำงานต่อตามวิถีชีวิตทั่วไป หลังเรียนจบพี่หนอมจึงทำงานเป็นผู้ช่วยผู้สอบบัญชีไม่ต่างจากหลายๆ คนที่เรียนจบสายนี้ และถึงขั้นสอบเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต CPA หรือ Certified Public Accountant หรือได้รับใบอนุญาตในการทำหน้าที่ตรวจสอบและรับรองงบการเงินของบริษัทได้ และเก็บคะแนนกับชั่วโมงครบแล้ว แต่เขาไม่มีความอยากทำงานในสายงานนี้ จึงลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำงานกับที่บ้าน.

ช่วงที่ค้นหาตัวเองและกำลังตัดสินใจว่าจะเรียนต่อ ป.โท ที่จุฬาฯ สาขาเดิม พี่หนอมทำตามคำแนะนำของคุณแม่คือสอบเข้าทำงานราชการเป็นนักตรวจสอบภาษีชำนาญการที่กรมสรรพากร และถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเพราะปัญหาคือเงินเดือนที่ได้รับน้อยกว่างานเอกชนที่เคยทำมา

เมื่อรายได้หายก็ต้องหารายได้เพิ่มเพื่อเอาตัวรอด เขาเลยต้องค้นหาความรู้เพิ่มและทำงานหลายอย่าง ตั้งแต่การตลาดออนไลน์ เช่น ทำเว็บ เขียนบล็อก ขายของออนไลน์ ไปจนถึงขายตรง

เริ่มต้นTaxBugnoms

พี่หนอมตัดสินใจทำ “บล็อกภาษีข้างถนน TAX.Bugnoms.com” มาตั้งแต่ตอนทำงานอยู่กรมสรรพากรได้ประมาณ 3 ปี  และค่อยๆ เติบโตเมื่อตลาดโซเชียลเข้ามา ซึ่งนับจนถึงตอนนี้ TaxBugnoms ยืนระยะมาได้กว่า 12 ปีแล้ว 

อุปสรรคอย่างนึงของคนเขียนบล็อกออนไลน์คือเขียนดีแค่ไหนก็ไม่มีคนเจอและยิ่งเป็นเรื่องภาษีก็ยิ่งหาคนสนใจยาก แต่พี่หนอมบอกว่าสิ่งสำคัญคือต้องปรับตัวอยู่เสมอและเขาเชื่อว่าทุกเรื่องที่นำเสนอจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ด้วย

ในมุมมองพี่หนอมความรู้เรื่องภาษีมีทั้งส่วนที่เป็นตามกฏหมายบังคับและเป็นความคิดเห็นซึ่งในการนำเสนอนั้นเขาจะแยกระหว่าง ‘ความเห็น’ กับ ‘ข้อเท็จจริง’ เสมอ ดังนั้นในเรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง ถือว่าผิดถ้าไม่ทำตามกฎหมาย แต่บางเรื่องที่เป็นความคิดเห็นของเขาไม่ต้องเชื่อทั้งหมดก็ได้

พี่ไม่ได้วางตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เราแค่เรียนรู้แล้วมาบอกต่อคนอื่นๆ ในสิ่งที่เรารู้

เขากล่าวเสริม

เป้าหมายต่อไป

ในด้านการทำงาน ปัจจุบันพี่หนอมตั้งใจทำคอนเทนต์ในแบรนด์ TaxBugnoms เป็นงานหลัก โดยเป้าหมายระยะสั้นของเขาคือทำสื่อให้เยอะ มีคุณภาพขึ้น และขยายไปในสื่อออนไลน์ให้มากที่สุด นอกจากนี้ยังมีงานอื่นๆ ที่เป็นรูปแบบ Co-Project กับคนอื่นด้วย อาทิเช่น aomMONEY เวปไซด์การเงินที่นำเสนอเรื่องเงินในแบบเข้าใจง่าย หรือ ZERO TO PROFIT เว็บบล็อกให้ความรู้ด้านบัญชีสำหรับเจ้าของธุรกิจ ที่อยากให้บัญชีเป็นเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวทุกคน

พี่หนอมบอกว่าจุดยืนในการทำงานปัจจุบันนี้ของเขาคือไม่รับงานที่ปรึกษาด้านภาษี เพราะว่าจะพูดในสิ่งที่คิดไม่ได้ทั้งหมดเพราะต้องคิดถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและมีจรรยาบรรณ และเขาเชื่อว่าสิ่งที่ให้ TaxBugnoms อยู่ทุกวันนี้ได้คือมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและนำเสนอเรื่องราวแบบที่เป็นตัวเอง

ลาออกจากงานประจำ

พี่หนอมยอมรับว่าตั้งแต่ทำงานอยู่ที่กรมสรรพากรมา รายได้จากการเป็นข้าราชการไม่ใช่รายได้หลักของเขา แต่เป็นงานเสริมต่าง ๆ ที่สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเขาสิ่งที่ทำทุกอย่างตั้งแต่งานด้านการตลาดจนถึง TaxBugnoms ยิ่งช่วงพีคๆ เคยมีรายได้ถึงหลักแสนต่อเดือน และยังนำเงินไปต่อยอดการลงทุนพอทำให้รายได้เติบโตขึ้น

แต่พอต้องทำ TaxBugnoms ไปด้วยทำให้บางครั้งก็กระทบกับงานประจำ และการใช้ชีวิตในด้านต่าง ๆ  ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากงานที่สรรพากร พี่หนอมเล่าให้ฟังว่าในช่วงแรกมีความกลัวเล็กๆ เพราะอยู่กับงานประจำมา 11 ปี บวกกับคนขู่ว่าออกมาเป็นฟรีแลนซ์แล้วจะขี้เกียจและไม่พัฒนา เขาเลยพยายามหาทุกอย่างทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่ามีสิ่งที่ต้องทำ

แต่จริงๆ แล้ว เหตุผลหลักๆ ที่ตัดสินใจลาออกคือเรื่องเวลา เพราะพอถูกฟิกซ์เวลาด้วยงานประจำ และถูกค้ำคอด้วยการทำงาน  ส่งผลให้ไม่สามารถดูแลและจัดการครอบครัว หรือ ชีวิตด้านอื่น ๆ ได้ ซึ่งเขามองว่าถ้าเป็นแบบนี้ไปนาน ๆ น่าจะส่งผลเสียกับชีวิต

ส่งต่อมุมมองกับคนที่อยากลาออก

ทุกวันนี้มีหลายๆ คนอยากออกจากงานเพราะไม่ชอบงาน พี่หนอมให้คำตอบและมุมมองที่น่าสนใจว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือถ้าเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้น แล้วเรารับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ทุกอย่างก็โอเค คุณลาออกได้ ถ้ารู้สึกว่าคุณไม่ชอบ แต่คุณต้องยอมรับผลของมันที่จะตามมา” ดังนั้นคนรุ่นใหม่ที่อยากลาออกจากบริษัทเพื่อทำสิ่งที่ตัวเองชอบอาจจะต้องถามตัวเองให้ดีว่าปัญหาที่เจอคืออะไร บางคนเจอปัญหาว่าไม่เหมาะกับงานที่ทำ หรือบางคนอยากลาออกเพื่อหาตัวตน ซึ่งพี่หนอมแนะนำว่าหลักการตัดสินใจคือต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้ เพราะทั้งความชอบและความอดทนเป็นสิ่งที่มองคนละมุมระหว่างลูกน้องกับเจ้านาย

เราจะไม่พูดว่าต้องมีเงินสำรองก่อนตามหลักการเงิน 6 เดือน เพราะคุณอาจจะรู้สึกแย่จนทนกับงานไม่ไหว แต่ถ้าหากเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ แล้วยังไม่รู้ว่าชอบอะไร และไม่สามารถคุณสร้างรายได้ให้ตัวเองอยู่รอดได้ หรือต้องพึ่งคนอื่นตลอดเวลา แสดงว่าปัญหาอาจจะอยู่ที่เราด้วย ไม่ใช่อยู่ที่งานเพียงอย่างเดียว

พี่หนอมกล่าว

สิ่งที่เรียนรู้ในช่วงโควิด

พี่หนอมเป็นอีกคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่ต่างจากคนอื่นเช่นกัน เพราะงานสอนที่ต้องเจอผู้คนแต่เจอไม่ได้ ทำให้ต้องปรับตัวขนานใหญ่

ช่วงแรกที่โควิดเริ่มระบาดเมื่อปีที่แล้วโจทย์ที่เขาคิดคือสำรองเงินไว้ให้ถึงสิ้นปี และตั้งเป้าหมายว่าปรับการสอนเป็นออนไลน์ให้ได้เร็วที่สุด พี่หนอมแชร์ให้ฟังว่าด้วยความโชคดีที่มีเพจอยู่แล้วเลยพยายามสร้างคอนเทนต์ทำรูปแบบออนไลน์เต็มที่ เช่น อัดคลิป ไลฟ์สด แม้เขาเป็นคนชอบเขียนมากกว่าชอบพูดคุยกับคน แต่ด้วยสภาวะที่เกิดขึ้นถูกบีบให้ต้องทำมันให้ได้

ถ้าทำสำเร็จก็รอด ไม่สำเร็จก็เปลี่ยนท่า สิ่งสำคัญคือหาทางไปเสมอ ไปทางไหนได้ก็ไป ลองได้ลอง ไม่ต้องยึดติดรูปแบบ

พี่หนอมกล่าว

ไม่มีอะไรที่เป็นความชอบ หรือแพชชั่น

“พี่รู้แค่ว่าพี่เก่งภาษีแล้วพี่ได้ประโยชน์ แต่โชคดีที่ประโยชน์ที่พี่ได้ มันเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้ด้วย คนอยากรู้ก็มาดูแล้วได้ไปก็ดีนะ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”

หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะรู้สึกว่าพี่หนอมเป็นคนมีแพชชั่นและรักในเรื่องภาษีมากๆ เลยทำให้สร้าง TaxBugnoms ขึ้นมาได้ แต่พี่หนอมยอมรับอย่างตรงๆ ว่าเขาไม่ได้มีแพชชั่นที่ชัดเจนแบบที่ใครหลายๆ คนคิดหรือเป็น เขาแค่รู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ดี ซึ่งเขารู้สึกว่า ในอีกมุมนึงของแพชชั่นมันอาจจะเป็นการหลอกตัวเองเพื่อให้เรามีเหตุผลในสิ่งที่เลือกทำ และทำมันต่อไปได้  โดยในมุมมองของเขาแล้วแพชชั่นเป็นเรื่องที่ใครมีหรือไม่มีก็ได้

นอกจากนี้เขายังเสริมว่านิยามความสำเร็จของคนเราไม่เหมือนกัน และเป้าหมายของคนเราก็สามารถเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามช่วงอายุ ดังนั้นเราควรจะมีความสุขได้ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม และพยายามเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เพราะเราอาจจะไม่สามารถตั้งเป้าหมายความสำเร็จได้ในโลกที่ไม่แน่นอนมากๆ แบบทุกวันนี้

ความสำเร็จ สำคัญตรงที่ว่าเราต้องรู้ว่าเราจะมีมันไปทำไม แล้วทำไมต้องไปถึงจุดนั้น

พี่หนอมกล่าว

ฝากบทเรียนให้คนรุ่นใหม่

พี่หนอมฝากไว้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือความมั่นคงทางจิตใจและอารมณ์สำคัญต่อการทำงาน และต้องรู้จักยืดหยุ่นกับชีวิตเพราะโลกทุกวันนี้ไม่แน่นอน  ไม่มีอะไรมั่นคงและพร้อมจะเปลี่ยนตลอดเวลา นอกจากนี้สิ่งที่เคยทำแล้วสำเร็จ หรือทำแล้วเคยดี แต่วันนี้อาจจะไม่สำเร็จเหมือนเดิมก็ได้

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights