สุรางค์ จันทร์แย้ม: ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ SWING ที่ต่อสู้เพื่อคนขายบริการมาตลอด 30 ปี

Home » Career Fact » Interview » สุรางค์ จันทร์แย้ม: ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ SWING ที่ต่อสู้เพื่อคนขายบริการมาตลอด 30 ปี

จากนักเรียนรำวิทยาลัยนาฏศิลป์ที่มีฝันอยากเป็น ‘นักพัฒนา’ ปัจจุบันเธอกลายเป็นทั้งครู นักพัฒนา นักขับเคลื่อนสิทธิ และ NGO ที่ดูแลกลุ่มคนทำงาน Sex Worker

วันนี้ Career Fact ‘พี่รางค์’ สุรางค์ จันทร์แย้ม ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ SWING ที่จะมาเล่าเรื่องราวชีวิตและการทำงานในฐานะ NGO พร้อมกับประเด็นอาชีพ ‘Sex Worker’ ในหลายแง่มุมตลอดการทำงานกว่า 30 ปีของเธอ ติดตามได้ที่นี่

รู้จักกับพี่สุรางค์

พี่สุรางค์โตมาในครอบครัวใหญ่ที่มีคุณพ่อเป็นครูและคุณแม่ทำงานสังคมสงเคราะห์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในจำนวนพี่น้อง 6 ใน 8 คนจะมีอาชีพเป็นข้าราชการครูตามรอยคุณพ่อ

หลังเรียนจบวิทยาลัยนาฏศิลป์เธอรู้สึกมาโดยตลอดว่าไม่อยากเป็นครูเหมือนคนอื่นในครอบครัวแต่อยากเป็น ‘นักพัฒนา’ เพราะพี่สาวคนหนึ่งเป็น NGO ดูแลและลงชุมชุนละแวกคลองเตย เธอเลยฝังในใจว่าอยากเป็นแบบพี่สาว แม้พ่อจะวางแผนอยากให้เป็นครู แต่ยื่นข้อเสนอว่าไม่อยากเป็นครูแบบพี่ๆ แล้วขอทำงานช่วยเหลือคนที่ลำบากแทน

จุดเริ่มต้นทำงานNGO

เธอเริ่มต้นการทำงาน NGO กับ มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ (Empower Foundation) หลังจากเคยจะเลือกทำงานเป็นนักแสดงการละคร และเคยไปสมัครงานที่สังคมธุรกิจ แต่เป็นช่วงที่มูลนิธิฯ เปิดรับสมัครงานเป็นอาสาสมัครการละครที่รณรงค์เกี่ยวกับโรคเอดส์ (AIDS) อยู่พอดี

งานแรกในฐานะ NGO ของพี่สุรางค์ คือการลงพื้นที่ย่านพัฒน์พงษ์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งสถานบริการและแสดงโชว์ทางเพศ เธอคิดจะล้มเลิกและร้องไห้หลายครั้งเพราะต้องคิดและริเริ่มงานเองตั้งแต่ต้นโดยที่ไม่มีความรู้มาก่อน และยิ่งต้องลงพื้นที่คุยตามบาร์ที่พัฒนพงษ์ช่วงแรกก็กลัวมาก เพราะคิดว่าไม่ปลอดภัย แต่ถึงแม้จะเจอกับความท้ออยู่ช่วงหนึ่ง เธอก็ยังอยากทำงานอยู่

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงความท้อให้เป็นกำลังใจและพร้อมสู้ต่อเกิดขึ้นเมื่อลงพื้นที่แล้วได้เห็นว่าคนที่ทำงานในพัฒนพงษ์ตั้งใจมาเรียนหนังสือภาษาอังกฤษ และรู้ว่าทุกคนอ่านหนังสือภาษาไทยกันไม่ออก เธอจึงเปลี่ยนความคิดและรู้สึกว่าสิ่งที่พ่ออยากให้เป็นครูได้กลายเป็นว่ามาอยู่ตรงหน้าแล้ว พี่สุรางค์จึงเริ่มสอนหนังสือภาษาไทยให้พวกเขา

นี่คือกรุงเทพฯ ที่ศิวิไลซ์ แต่ยังมีคนไม่รู้หนังสือ สุดท้ายเราสอนจนพี่บางคนเขียนจดหมายหาลูกได้

เธอเล่าให้เราฟัง

เปิดหนังสือหน้าใหม่ในทุกวัน

การมาทำงานของพี่เหมือนกับการเปิดหนังสือหน้าใหม่ทุกวัน ปัญหาที่เจอในแต่ละวันไม่เหมือนกัน ต้องหาทางแก้ปัญหาอยู่ตลอด

ปัญหาที่เธอเจอในแต่ละวันไม่เหมือนกันและใหม่อยู่เสมอ ทำให้ต้องหาความรู้เพิ่มอยู่ตลอด เธอต้องคิดทางแก้ปัญหาต่างๆ มากมาย ตั้งแต่การต้องทำงานช่วยเหลือ เป็นครูให้ความรู้ เป็นที่ปรึกษา รวมถึงนักจิตวิทยาคอยให้คำแนะนำกับปัญหาต่างๆ เช่น การยุติการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ เป็นต้น ทำให้อาชีพนี้จึงมีความท้าทายตลอดเวลา

เริ่มต้นองค์กร SWING

ก่อนหน้านี้ภาพจำของคนทำอาชีพขายบริการจะมีแต่ผู้หญิง ไม่มีการรับรู้ว่าเพศสภาพผู้ชายหรือสาวประเภทสองจะทำงานด้านนี้ด้วย

องค์กร SWING เกิดขึ้นจากการที่มีกลุ่มผู้ชาย – ทรานส์เจนเดอร์ที่ทำงานขายบริการมาขอเรียนหนังสือด้วย แต่มูลนิธิเก่าของพี่สุรางค์ให้เรียนไม่ได้ เธอจึงตั้งองค์กร SWING ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา เพื่อเป็นองค์กรที่ดูแลคนกลุ่มนี้ไม่ให้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง

ปัจจุบัน SWING ดูแลตั้งแต่พาร์ทการศึกษา ความรู้เรื่องสุขภาพ และรณรงค์เรื่องสิทธิผู้ค้าประเวณีทุกเพศที่ประกอบอาชีพนี้ ทั้งหมดเพื่อตอบรับกับเป้าหมายให้ Sex Worker มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

พี่สุรางค์อธิบายเรื่องรายได้ขององค์กร NGO เพื่อส่งต่อถึงคนที่อยากทำงานด้านนี้ว่า ส่วนใหญ่ NGO จะขอทุนแบบปีต่อปี โดยจะเขียน Proposal เพื่อขอทุนมาใช้จ่ายในองค์กร

ซึ่งการจะได้รับทุนนั้นเธอบอกว่าขึ้นอยู่กับปัญหานั้นๆ ว่าสิ่งที่เสนอจะแก้ไขยังส่งผลกระทบต่อสังคมมากน้อยแค่ไหน และยังเป็นปัญหาอยู่หรือไม่ เธอต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าองค์กรจะช่วยแก้ไขได้ และช่วยเหลือคนได้จริงๆ เมื่อทำได้ต่อเนื่องก็จะมีแหล่งทุนติดต่อมาหาเองปัจจุบัน SWING ได้รับทุนจาก USAID เป็นหลักมาอย่างต่อเนื่องตลอด 17 ปี รวมถึงจากแหล่งอื่นๆ ด้วย

ถอดประเด็นSexworker

พี่สุรางค์มองว่าคนในสังคมส่วนหนึ่งยังมอง Sex Worker ในแง่ลบ ทำให้ยังต้องสู้กับวิธีคิดแบบนี้อยู่บ้าง แต่ภาพรวมมีความเข้าใจและรับความจริงได้มากขึ้น

ในปัจจุบันมีกฎหมายที่ทำให้คนที่ประกอบอาชีพเหล่านี้มีความผิดอยู่ แม้จะยังไม่ได้ทำความผิดเลยก็ตาม จนคุณภาพความเป็นมนุษย์ถูกลดทอน และทำให้คุณภาพชีวิตด้อยลงไปด้วย พี่สุรางค์บอกว่าสิ่งนี้เป็นปัญหาที่ทำให้กลุ่มอาชีพ Sex Worker ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิพื้นฐานต่างๆ ได้ เพราะมีสถานะผิดกฎหมาย รวมถึงไม่ได้รับการยอมรับเพราะตราบาปที่หลายคนมีต่ออาชีพของพวกเขา

สิ่งที่เราทำคือการดึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ของพวกเขากลับมา

พี่สุรางค์กล่าวถึงความตั้งใจในหน้าที่ NGO ที่เริ่มต้นจากการส่งเสริมเรื่องการศึกษาที่อยากทำให้ทุกคนมีโอกาสไม่ว่าจะทำอาชีพใดก็ตาม และท้ายที่สุดผู้ประกอบอาชีพ Sex Worker ที่เธอช่วยเหลือจะได้รับสิทธิในการเข้ารับบริการต่างๆ ในสังคมได้ใกล้เคียงหรือเท่ากับคนอื่นบนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์

เป้าหมายของพี่สุรางค์

เมื่อถามถึงเป้าหมายของพี่สุรางค์และ SWING เธอกล่าวด้วยเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจกับเราว่า ต้องการยกเลิกพระราชบัญญัติ 2539 ที่เอาผิดคนค้าประเวณี เพราะมีมาตั้งแต่ พ.ศ.2503 และทำให้คนไม่มีโอกาสเข้าถึงสิทธิต่างๆ ได้ รวมถึงต้องการให้เปลี่ยนเป็นกฎหมายแรงงานเพราะกลุ่ม Sex Worker คือกลุ่มคนทำงานหาเลี้ยงชีพไม่ต่างจากแรงงานกลุ่มอื่น ธงใหญ่ของพี่สุรางค์จึงเป็นเรื่องของสิทธิ

นอกจากนี้ก็มีเรื่องสุขภาพที่เธอตั้งใจว่าจะตั้งคลินิกให้กลุ่ม Sex Worker เพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้มี อยู่ 3 แห่งแล้ว และในด้านการศึกษานั้น ความฝันสูงสุดของพี่สุรางค์คือการตั้งหน่วยงานการศึกษาในรูปแบบมหาวิทยาลัยเพื่อให้ทุกคนได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม และเรื่องสุดท้ายคือเป้าหมายที่จะพิสูจน์ว่าองค์กร SWING และกลุ่มอาชีพ Sex Worker สามารถทำงานในตำแหน่งอื่นๆ ได้ไม่ต่างจากคนกลุ่มอื่น เช่น เจ้าหน้าที่ ผู้จัดการ เป็นต้น

ท่ามกลางวิกฤติโควิดที่บิดให้ประเด็น Sex Worker กลายเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ทำให้กลายเป็นประเด็นที่คนเห็นปัญหาได้มากขึ้น พี่สุรางค์บอกว่าสิ่งนี้ทำให้กลุ่มที่มอบแหล่งเงินทุนเห็นคุณค่า และมีผู้บริจาคให้เงินมาเพิ่มขึ้น ในที่สุดก็จะช่วยให้การแก้ปัญหาและช่วยเหลือกลุ่มอาชีพนี้ยังดำเนินต่อไปได้

บทเรียนจากการทำงานของพี่สุรางค์

สิ่งที่พี่สุรางค์อยากฝากให้กับทุกคนในแง่การทำงานคือ เธอบอกว่าศาสตร์ต่างๆ มีแก่นเหมือนกัน คือความเป็นคนและเป็นมนุษย์ บางสาขาอาจต้องทำงานตรงที่เรียน บางงานใช้หัวใจความเป็นมนุษย์ เหมือนที่พี่สุรางค์จบนาฏศิลป์แต่ทำงานด้านนี้ก็ใช้แก่นความเป็นมนุษย์เป็นหัวใจในการทำงาน ดังนั้นต้องอย่ากังวลว่าเรียนจบมาแล้วทำงานไม่ตรงสาขา แต่ให้คิดเสมอว่าสิ่งที่ทำอยู่คือสิ่งที่เราอยากทำและตั้งใจกับมันให้ดีที่สุด

อย่าสะกดจิดตัวเองว่าทำไม่ได้ แต่ให้บอกตัวเองว่าเราทำได้

เธอทิ้งท้ายไว้ให้กับเรา

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน