ถ้าคุณมีความฝันอยากทำธุรกิจสตาร์ทอัพ คุณจะต่อยอดมันอย่างไร?
แล้วอะไรคือสิ่งที่จะทำให้ความฝันนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้?
พบกับเส้นทางอาชีพจากจุดเริ่มต้นที่เรียนจบจากคณะวิศวะฯ สู่ความชอบงาน Consult ก่อนจะมุ่งหน้าทำตามฝันในการขับเคลื่อนธุรกิจสตาร์ทอัพให้เติบโตได้ในระดับภูมิภาค
วันนี้ #CareerTalk พูดคุยกับ พี่สปริง-พิสิษฐ์ ธนเศรษฐ์สกุล CBO แห่ง N-Squared eCommerce Group ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจจากมุมมองที่เรียบง่ายว่า การที่เราจะเข้าใจปัญหาของพ่อค้าให้ดีพอ คงไม่มีอะไรดีเท่ากับการเป็นพ่อค้าเอง
ติดตามได้ที่นี่
จุดเริ่มต้นของพี่สปริง
พี่สปริงเรียนจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาเล่าให้ฟังว่าเนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เรียนจบสูง ดังนั้นเมื่อเขาอยากเรียนอะไรก็สนับสนุนเต็มที่ และเชียร์ให้เอาดีด้านวิศวะ
ระหว่างเรียนมีโอกาสครั้งสำคัญอยู่ 2 เรื่อง คือ ได้ฝึกงานวิศวกรที่โรงงาน ซึ่งทำให้เขารู้ว่าตนเองสนุกกับการเรียน แต่ไม่ได้สนุกไปกับการทำงานจริงด้านวิศวะเลย ส่วนอีกเรื่องคือการไปแลกเปลี่ยนที่สหรัฐอเมริกา ทำให้เห็นความตั้งใจของทุกคนที่ไปเรียนที่นั่น “ทุกคนไม่ได้มาเรียนแค่เพื่อเรียนจบ แต่เขามีฝัน เขารู้อยู่แล้วว่าจะเป็นอะไร ดังนั้นเขาจึงเรียนเพื่อเป็นสิ่งนั้น” เขากล่าว
ยิ่งได้อยู่กับเพื่อนและแวดล้อมไปด้วยกลุ่มคนที่อยากทำงานด้าน Consult เขาจึงรู้ตัวเองว่าต้องเปลี่ยนจากสายเทคนิคอย่างวิศวะมาทางสายธุรกิจให้ได้
เปลี่ยนสายสู่Consult
พี่สปริงเริ่มทำงานแรกที่ Iris Consulting อยู่ 2 ปี ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้เขาได้เรียนรู้และลองทำแทบทุกอย่าง เขาจึงเข้าใจว่าจะเป็น Consult ที่ดีได้ต้องขยัน ทิ้งอีโก้ ดูแลทีมและทุกคนที่เกี่ยวข้องให้ดีที่สุด
“เราได้เข้าใจว่าการเป็น Consult ที่ดี คือต้องเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว” เขากล่าว
แม้จะคิดว่า Consult เป็นงานที่ใช่ แต่เรื่องการเข้าหาคนก็ดูจะไม่เข้ากับบุคลิกส่วนตัวของพี่สปริงมากนัก เขาจึงตัดสินใจว่าจะทำงานในอุตสาหกรรมที่ตัวเองสนใจจริงๆ คือด้านเทคโนโลยีและไอที ซึ่งในประเทศไทยขณะนั้นมีเพียงไม่กี่บริษัท และ Lazada ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก จึงทำงานได้อยู่ 1 ปีกับทีมการตลาด ก่อนจะย้ายไปบริษัทที่ชื่อว่า Happyfresh ในตำแหน่ง Head of Marketing
พี่สปริงบอกว่าสิ่งที่ได้จาก Consulting Firm มากที่สุดไม่ใช่ความรู้ แต่เป็น ‘ความอึด’ เพราะต้องทำตามเดดไลน์ ทำให้ทัน รวมถึงทักษะการทำสไลด์ ที่ต้องสื่อสารกับคนให้ตรงจุดด้วย ซึ่งยังนำมาใช้ได้ในการทำงานเสมอ
เพราะฝันจึงต้องทำ
พี่สปริงเริ่มมีความฝันว่าอยากทำสตาร์ทอัพเองตั้งแต่ตอนอยู่ Lazada เพราะเห็นเพื่อนหลายๆ คนที่กล้าออกไปทำ นอกจากนี้ยังตกตะกอนความคิดได้ว่าสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพประสบความสำเร็จคือทีม และพาร์ทเนอร์ที่เก่ง แต่การจะให้คนเก่งมาทำงานด้วย ก็ต้องยกระดับความสามารถของตัวเองให้ได้ก่อน เขาจึงตั้งใจทำงาน และลองทำในทุกโอกาสที่ได้รับ
ก่อนจะได้พบปะกับคุณหนึ่ง – นัฐพล CEO ของ N-Squared ครั้งแรกที่งานๆ หนึ่ง จึงได้คุยกัน “เรารู้สึกถึงความฉลาด รู้ลึก แต่ถ่อมตัว จึงหาไอเดียทำธุรกิจด้วยกัน” พี่สปริงเล่าเสริม
จากไอเดียธุรกิจสู่N-Squared
“สิ่งที่เราตระหนักคือ จะทำธุรกิจให้ดี ธุรกิจของเราจะต้องเป็น Pain Killer ต้องแก้ปัญหาได้ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจยั่งยืนด้วย”
ถ้าจะหาทางทำธุรกิจให้เกิด สิ่งที่ต้องลงทุนคือเวลาและแรง ทั้งสองคนจึงนัดเจอกันสัปดาห์ละครั้งที่ร้านกาแฟ และระดมไอเดียในการทำธุรกิจอยู่ 6 เดือน พี่สปริงเล่าว่าคุณหนึ่งแชร์ไอเดียและปัญหาที่เจอตลอดกับธุรกิจขายไม้ม็อบ ทั้งคู่จึงได้ไอเดียว่าถ้าเช่นนั้น ก็แก้ปัญหาที่เจอกับตัวเองเลยน่าจะดีกว่า จึงเป็นที่มาและจุดเริ่มต้นของไอเดียธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาและช่วยคนที่ขายของออนไลน์ และภายในเย็นวันนั้น พี่สปริงกลับบ้านเพื่อกดสั่งของจาก Alibaba มาขาย และขายเครื่องออกกำลังกายชื่อแบรนด์ XtivePro จนมียอดขายดี ทั้งคู่จึงตัดสินใจรวมกิจการกัน แล้วก่อตั้งเป็นบริษัท N-Squared eCommerce ขึ้นมา
“เรารู้แล้วว่าการที่เราจะเข้าใจปัญหาของพ่อค้าให้ดีพอ ไม่มีอะไรดีเท่ากับการเป็นพ่อค้าเอง” เขาเสริม
ต่อยอดในตลาดอีคอมเมิร์ซ
จุดเริ่มต้นของ N-Squared เป็นปีเดียวกับที่อาลีบาบาตัดสินใจลงทุนกับ Lazada ซึ่งแน่นอนว่าต้องส่งผลต่อตลาดอีคอมเมิร์ซอย่างมาก พี่สปริงและคุณหนึ่งจึงมีไอเดียธุรกิจใหม่ที่ได้ขึ้นมา คือการทำตัวเองให้กลายเป็นแพลตฟอร์มมากกว่าลงมือทำเองแบบสตาร์ทอัพสไตล์ดั้งเดิม N-Squared จึงได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ Lazada ในการนำของของแบรนด์ต่างๆ มาขายในแพลตฟอร์ม Lazada
“เปรียบเทียบให้เห็นภาพคือการที่เราเป็นเจ้าของสนามมวย ให้คนมาต่อยมวย แล้วเก็บค่าตั๋ว ไม่ใช่ลงไปต่อยเอง” พี่สปริงกล่าว
คนและทีมคือหัวใจของธุรกิจ
“วันแรกๆ เราแทบไม่กล้าชวนคนไปดูออฟฟิศด้วยซ้ำเพราะออฟฟิศเราเป็นตึกแถว” พี่สปริงเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์การปลุกปั้นบริษัทสตาร์ทอัพตั้งแต่วันแรกที่ต้องซื้อใจคนด้วยวิธีขายอนาคตของบริษัท บอกและสื่อสารว่าตัวเองจะเป็นอะไร ซึ่งมีความยากตั้งแต่การประกาศรับสมัครคนทำงาน รวมถึงการดูแลคน พัฒนาคน พี่สปริงบอกว่าต้องยกเครดิตให้คุณหนึ่งที่เอาใจใส่เรื่องคนมากๆ
ขณะเดียวกันการดูแลทีมก็เป็นหัวใจของ N-Squared ด้วย ที่หัวหน้าต้องใกล้ชิดกับทีม และเข้าถึงกับทุกคนได้ พี่สปริงบอกว่า N-Squared เป็นองค์กรที่กฎไม่เยอะ เพราะเชื่อว่าการยึดติดกับกฎมากไป ไปบดบังความสามารถคนเก่ง จึงเชื่อในการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้และผิดพลาด ดังนั้นคนที่ N-Squared อยากร่วมงานด้วย คือคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และพร้อมที่จะทำงานหนักเพื่อได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ส่วนคนที่เหมาะกับทีม Business Development ต้องชอบพบปะผู้คนและชอบช่วยเหลือคน เพราะต้องไปเก็บข้อมูลปัญหาของคน รวมถึงมีความรู้ในสิ่งที่ถนัด
“เรายังใหม่และยังพลาดอยู่ ดังนั้นเราเลยไม่ตัดสินคนจากความผิดพลาด แต่สนับสนุนให้เขากล้าที่จะผิดพลาด” เขากล่าวเสริม
เป้าหมายอนาคต
แม้ในช่วงโควิด-19 จะส่งผลดีต่อธุรกิจของ N-Squared คือการส่งของที่มากขึ้น แต่ปัญหาคือการขยายตลาดไปต่างประเทศที่ลำบาก เพราะเดินทางไม่ได้ รวมถึงการพูดคุยในทางธุรกิจต้องผ่านจอ ทำให้การปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไม่ดีเท่าการเจอหน้ากัน
พี่สปริงเล่าให้ฟังว่า N-Squared เริ่มต้นความกล้าคิด ลงมือทำมาเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่คล้ายกับสิ่งที่อยากเป็น และปัจจุบันการทำงานก็มีกลยุทธ์มากขึ้น แม้จะมาไกลมากจากวันแรก แต่ปัญหาก็มีเข้ามาตลอด เหมือนเกมที่ต้องผ่านด่านแรกเพื่อไปเจอบอสด่านสอง แต่เขาเชื่อว่าบริษัทใหญ่ทุกแห่ง ผ่านปัญหาแบบเดียวกันมาหมดแล้ว เราอาจจะแค่แก้ไม่เป็น ดังนั้นก็ต้องไปหาคนที่แก้เป็นมาช่วยเหลือ
ปัจจุบันพี่สปริงทำงานในตำแหน่ง CBO หรือ Chief Business Officer โดยหน้าที่หลักคือมองหาโอกาสทางธุรกิจ ได้แก่ การหาลูกค้าและคู่ค้าใหม่ เปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ และดูแล Corporate Partnership เช่น เอเจนซี่ อินฟลูเอนเซอร์ เป้าหมายของพี่สปริงและ N-Squared ในอนาคตคือการทำให้คู่ค้าอยากทำงานด้วย และดูแลลูกค้าที่ไว้ใจให้ดีที่สุด พร้อมกับเติบโตเพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ที่โดดเด่นในระดับภูมิภาค โฟกัสที่การแก้ปัญหาของลูกค้าและมองหาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ และมอบประสบการณ์ที่ดีในทุกประเทศที่ขยายตลาดไป
เลือกงานให้ตรงใจ
จากประสบการณ์และเส้นทางการทำงานของพี่สปริง เขาบอกว่าหากดูแล้วก็จะรู้ว่าตัวเขาเป็นคนเลือกงาน โดยใช้ 3 ปัจจัยในการเฟ้นหางานที่ตอบโจทย์กับตัวเองมากที่สุด ได้แก่
1.อุตสาหกรรมเติบโตไหม
2.บริษัทที่เติบโตในอุตสาหกรรมนั้นๆ
3.หาทีมที่ซัพพอร์ทเสมอ
อยากให้มาทำงานด้วยกัน!
ถ้าใครที่กำลังมองหางานหรือสนใจธุรกิจสตาร์ทอัพ พี่สปริงบอกว่าเป็นโอกาสที่ดีกับการทำงานที่ N-Squared เพราะเป็นธุรกิจกำลังเติบโต รวมถึงได้ทำงานในต่างประเทศ ในการเปิดตลาดใหม่ซึ่งเป็นโอกาสครั้งสำคัญของภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ยังได้ลงหน้างานจริง และเป็นสนามของผู้สนใจอยากเป็นผู้ประกอบการ
ในอนาคตพี่สปริงเชื่อว่าการทำธุรกิจร่วมกันในภูมิภาคอาเซียนจะมีมากขึ้น และทุกวันนี้ก็เชื่อว่าอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซยังเติบโตอยู่ โดยเฉพาะในช่วงโควิดระบาด ดังนั้นถ้าวันนี้หลายๆ คน อยากเข้าใจธุรกิจในระดับภูมิภาค ที่มากกว่าการกูเกิล อยากลอง อยากลงมือทำ อยากเปิดประสบการณ์ในหลายๆ ประเทศ N-Squared น่าจะตอบโจทย์สิ่งเหล่านั้นได้
“ถ้าผมย้อนไปเป็นวัยรุ่นใหม่ แล้วอยากเติบโตกับบริษัทใดสักแห่ง ผมคิดว่าผมก็จะมาทำที่นี่” เขาเสริม
บทเรียนที่อยากฝาก
ตลอดบทสนทนากับพี่สปริง เขาย้ำตลอดว่า “ยิ่งรู้ตัวเองเร็วว่าต้องการเป็นอะไร ยิ่งดี” ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของประสบการณ์ สิ่งสำคัญคือหลงทางได้ แต่อย่าหลงทิศ และถ้าให้แนะนำตัวเองในอดีตได้ เขาอยากจะบอกคนที่อยากเป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการว่า จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้มันเป็น Mindset ในการทำธุรกิจ ซึ่งการทำงานในบริษัทก็สามารถเติบโตได้หากมีวิธีคิดแบบผู้ประกอบการ
“แม้ว่าหลายคนจบมายังไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร ก็ต้องลองทำไปก่อน หาโอกาสในการหาสิ่งที่ชอบจากการลงมือทำ” พี่สปริงกล่าวทิ้งท้าย
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆแต่เมื่อพูดถึง Personal Branding…