วันนี้จะชวนทุกคนมาติดตามเรื่องราวของหญิงสาวที่ผู้ประกอบการเกือบทุกคนในสหรัฐฯ เรียนรู้เส้นทางการทำธุรกิจจากเรื่องราวของเธอ กับ ซาร่า เบลกลี่ย์ (Sara Blakely) ซีอีโอและผู้ก่อตั้งแบรนด์ชุดชั้นในสำหรับสตรี ‘Spanx’
เดินตามรอยพ่อ
ซาร่า เบลกลี่ย์ (Sara Blakely) เป็นชาวสหรัฐอเมริกาโดยกำเนิด เธอใฝ่ฝันอยากเป็นทนายความพิจารณาคดีตามแบบคุณพ่อ ทำให้เธอมีส่วนร่วมกับแข่งขันโต้วาทีทั้งในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายและสมัยที่เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐฟลอริดา ซึ่งเธอเรียนเอกสาขาการสื่อสารทางกฎหมายด้วย
ทว่าความมุ่งมั่นต้องเปลี่ยนเป็นความผิดหวังเมื่อเธอล้มเหลวในการสอบ LSAT (Law School Admission Test) ถึงสองครั้ง ทำให้ความฝันที่จะเป็นทนายความของเธอต้องหยุดลง และมองหาเส้นทางการทำงานใหม่
3 เดือนที่ดิสนีย์
หลังจากล้มเหลวกับเส้นทางทนายความ ซาร่าเดินทางไปสมัครงานที่ดิสนีย์เวิลด์เพื่อออดิชั่นรับบทบาทเป็น กูฟฟี่ (Goofy) ตัวการ์ตูนสุนัขขวัญใจคอดิสนีย์ที่เป็นเพื่อนสนิทของมิคกี้เม้าส์ แต่ก็ถูกปฏิเสธอีกครั้งด้วยเหตุผลที่ว่าเธอ “เตี้ยเกินกว่าจะใส่ชุดนี้” ทำให้เธอต้องทำงานเป็นพนักงานมาสคอตในสวนสนุก Epcot Center ที่วอลต์ดิสนีย์เวิร์ลรีสอร์ท รวมถึงทำงานเป็นนักแสดงตลกในบางครั้งด้วย และเพียง 3 เดือนเธอก็รู้สึกเหนื่อยกับการทำงานที่ดิสนีย์เวิร์ลและกลับบ้านเพื่ออาศัยอยู่กับแม่ของเธอ
7 ปีของนักขายเครื่องแฟกซ์
ซาร่ารับงานกับบริษัทสำนักงานจัดหาชื่อว่า Danka และเป็นนักขายเครื่องแฟกซ์ที่คอยเคาะตามประตูบ้าน แม้จะเริ่มต้นอย่างยากลำบากเพราะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ใกล้เคียงกับความฝันของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอต้องตื่นแต่เช้าและขับรถไปรอบๆ พื้นที่ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ถึง 17.00 น. “ประตูส่วนใหญ่กระแทกใส่หน้าฉัน ฉันเห็นนามบัตรถูกฉีกอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และฉันก็ถูกขอให้ออกจากอาคารด้วย” เธอเล่า
แต่ด้วยความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อ ทำให้เธอค่อนข้างประสบความสำเร็จในฐานะนักขายและยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นครูฝึกการขายระดับประเทศด้วยอายุเพียง 25 อีกด้วย เมื่อเก็บประสบการณ์และความรู้ของนักขายเครื่องแฟกซ์เป็นเวลา 7 ปีแล้ว เธอจึงตัดสินใจลาออก
ฉันรู้ตัวว่าฉันขายเก่งแต่ฉันก็อยากประกอบอาชีพอิสระด้วย ฉันคิดว่าแทนที่จะขายเครื่องแฟกซ์ ฉันชอบที่จะขายบางสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นและสนใจจริงๆ มากกว่า
เธอเคยกล่าว
ผู้ประกอบการที่แก้ปัญหาในชีวิตจริง จุดเริ่มต้นของ SPANX
ซาร่า เบลกลี่ย์กล่าวไว้ในบทเรียนของ MasterClass ว่า “ฉันเริ่มต้น Spanx ในฐานะผู้บริโภคที่ผิดหวัง เพราะฉันแค่อยากจะใส่กางเกงสีขาวไปงานปาร์ตี้และไม่มีตะเข็บหรืออะไรก็ตามโชว์อยู่ข้างใต้”
เธอก่อตั้ง Spanx ในปี 1998 ด้วยเงินเพียง 5,000 เหรียญสหรัฐซึ่งเป็นเงินออมจากการทำงานขายเครื่องแฟกซ์ เป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นกับเธอในขณะที่กำลังเตรียมตัวไปงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง ด้วยความหวังว่าจะดูดีขึ้นในกางเกงสีขาวรัดรูป เธอจึงตัดถุงเท้ายาวออกจากถุงน่องเพื่อปล่อยให้เท้าโล่งและเปลี่ยนให้มันเป็นชุดชั้นในแทน ก่อนที่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจะกลายเป็นไอเดียที่นำมาสู่การสร้างสรรค์ชุดชั้นในกระชับสัดส่วนและกางเกงเลกกิ้งในที่สุด
ช่วงแรกๆ เธอโดนปฏิเสธจากตัวแทนผู้ผลิตหลายรายด้วยสาเหตุที่เธอดูแลบริษัทด้วยตัวคนเดียวและไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่ แต่ยังมีคนที่รับข้อเสนอนั้นและช่วยให้เธอเริ่มต้นธุรกิจได้จนกลายเป็นบริษัทผลิตถุงน่องและชุดชั้นในสำหรับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
บทเรียนที่ต้องเผชิญกับการสูญเสีย
ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 30 ปี ซาร่าสูญเสียคนรอบตัวไปกว่า 11 เธอเห็นเพื่อนของเธอถูกรถชนเมื่อเธออายุ 16 ปี จนถึงคู่เดทเสียชีวิตช่วงเรียน ม.ปลาย การประสบความสูญเสียมากมายตั้งแต่อายุยังน้อยได้สอนให้เธอในฐานะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ต้องใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ และความตายของคนใกลดตัวก็กลายเป็นตัวเตือนสติที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
ในช่วงสองสามปีแรกของบริษัท เธอทำธุรกิจนอกบ้านร่วมกับลอร่า วอล์คเกอร์ เพื่อนสนิทและรูมเมทของเธอ แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเพราะหลังจากนั้นไม่นาน ลอร่าก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุการขี่ม้า ทำให้เธอต้องเผชิญกับการสูญเสียเรื่อยๆ แต่ก็ฝ่าฟันมาได้และเก็บบทเรียนทั้งหมดเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง
เธอเคยกล่าวไว้ว่า “ฉันคิดว่าเมื่อคุณเห็นความตายเมื่ออายุ 16 ปี คุณจะรู้สึกถึงความเร่งด่วนของชีวิต ฉันคิดถึงเรื่องการตายของตัวเองตลอด ฉันคิดว่ามันเป็นเครื่องเตือนใจที่ดี” ความคิดนี้ทำให้เธอถอนรากถอนโคนตัวเองจากฟลอริดาและมุ่งหน้าไปยังแอตแลนต้าเพื่อไล่ตามความฝันของเธอในการเปิดตัว Spanx ด้วยเงิน 5,000 เหรียญสหรัฐ หญิงสาววัย 27 ปีในตอนนั้นจึงเริ่มก้าวในการเปิดธุรกิจของเธอและกลายเป็นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐได้ในปัจจุบัน
เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
ในปี 2000 ซาร่าเปิดตัวแบรนด์ Spanx ในอพาร์ตเมนต์ของเธอ โดยทำหน้าที่รับสายทั้งหมดและทำการตลาดด้วยตัวเอง และสร้าง Spanx ให้กลายเป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายมูลค่าพันล้านเหรียญสหรัฐโดยไม่ต้องมีพื้นฐานด้านการออกแบบ ธุรกิจ หรือการผลิตเลย
ชุดชั้นในและกระชับสัดส่วนของ Spanx มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือความบาง ใส่สบาย และมองไม่เห็นภายใต้เสื้อผ้า เลย แม้ว่าแนวคิดเรื่องชุดกระชับสัดส่วนจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ซาร่าก็พยายามค้นคว้าเกี่ยวกับตลาดของเธอเสมอ และตระหนักได้ว่าอุตสาหกรรมทั้งหมดมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงอย่างไร แม้ว่าวิธีแก้ปัญหาของเธอจะเรียบง่าย แต่ก็ยังเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ซ้ำแบบใครและแก้ปัญหาได้จริง
เติบโตด้วยงบจำกัดและแรงเสริม
เธอก่อตั้ง Spanx ด้วยงบประมาณการตลาดและการโฆษณาที่น้อยมากๆ โดยเน้นการพึ่งพาเครือข่ายทางสังคมที่ตัวเองมี และการบอกปากต่อปากของลูกค้าจนได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงจ่ายเงินให้เพื่อนของเธอเพื่อจัดอีเวนท์แสดงสินค้าในเมืองต่างๆ และโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเธอ และเธอจะจ่ายเงินให้ผู้คนมาเป็นหน้าม้าตามงานนั้นๆ
หลังจากเปิดตัว Spanx แล้ว ซาร่ายังได้ส่งผลิตภัณฑ์บางส่วนของเธอไปที่ The Oprah Winfrey Show และแบรนด์ดังกล่าวก็ได้รับการแนะนำใน “Oprah’s Favorite Things” ซึ่งเหตุการณ์สำคัญนี้ช่วยให้แบรนด์เปิดตัวได้เป็นที่จดจำและเปิดโอกาสให้เธอได้ทำงานเต็มเวลาสร้างการเติบโตของบริษัทแบบไม่มีหยุดพัก
สู่มหาเศรษฐีหญิงที่ประสบความสำเร็จ
ในปี 2012 ซาร่าได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 คนที่มีอิทธิพลมากที่สุดของ TIME และนิตยสาร Forbes ยังยกย่องซาร่าเป็นมหาเศรษฐีหญิงที่สร้างตัวเองที่อายุน้อยที่สุดในวัย 40 ปี และได้ขึ้นหน้าปกด้วย โดยปัจจุบันซาร่าขายหุ้นส่วนใหญ่ใน Spanx ให้กับ Blackstone ซึ่งเป็นบริษัทจัดการการลงทุนยักษ์ใหญ่ด้วยมูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปลายปี 2021 ที่ผ่านมา แต่ยังคงถือหุ้นใหญ่และเป็นประธานบริหารต่อไป
คงเห็นได้ว่าเส้นทางความสำเร็จของซาร่าไม่ใช่เรื่องง่าย จากความฝันนักกฏหมายที่ต้องพลิกผันไปเป็นนักขายก่อนจะมหาเศรษฐีหญิงที่ประสบความสำเร็จ โดยซาร่ามองวาสความสำเร็จของเธอมีคุณพ่อเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและคอยสนับสนุนให้ลูกๆ กล้าที่จะล้มเหลว เธอเล่าให้ฟังว่าพ่อของเธอสอนนิยามความล้มเหลวว่าคือ “การไม่ได้พยายามทำสิ่งที่ต้องการทำ ไม่ใช่การไม่ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง” ซึ่งความล้มเหลวที่ว่านั้นก็กลายเป็นโอกาสที่ทำให้เธอสร้าง Spanx ขึ้นมาได้จากการสอบ LSAT ที่ล้มเหลว
อ้างอิง https://cnb.cx/3s789WC https://bit.ly/3IRAkiY https://bit.ly/34nZoPC https://bit.ly/32Sdicu
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆแต่เมื่อพูดถึง Personal Branding…