Dr. Sandra Lee: ตัวจริงของ Dr.Pimple Popper แพทย์ผิวหนังยุคโซเชียล

ก่อนชื่อ Dr.Pimple Popper จะถูกพูดถึงในปี 2018 และกลายมาเป็นแพทย์ผิวหนังแห่งยุค เรื่องราวชีวิตของดร. แซนดรา ลี เป็นอย่างไร ตามมาดูต่อในบทความนี้กัน #drpimplepopper

 

“Dermatology not only changed her skin, but it also changed her life.”

การเรียนแพทย์ผิวหนังไม่ได้เปลี่ยนเพียงแค่ผิวหนังของเธอ แต่พลิกชีวิตทั้งชีวิต

 

สานต่ออาชีพแพทย์ผิวหนังของพ่อ

ต้นแบบในการเป็นแพทย์ผิวหนังคือพ่อของเธอเอง แซนดราให้สัมภาษณ์กับสื่อ Racked ว่า “ฉันยังจำตอนที่เปิดตำราวิชาการของเขาและเห็นภาพที่น่าเกลียดที่สุดได้” ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้กลัวและกลับสนใจในสายอาชีพนี้ เมื่อแซนดราโตขึ้น เธอได้เข้าเรียนเป็นแพทย์ผิวหนัง เธอเล่าว่า “ตอนเรียนตระหนักได้ว่า การศึกษาเกี่ยวกับโรคผิวหนังเป็นสิ่งพิเศษมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง” “เราไม่ต้องดูแลเคสฉุกเฉิน ไม่ต้องถูกเรียกกลางดึกเพื่อทำคลอดเด็ก” และนั่นหมายถึงการมีเวลาสำหรับสิ่งอื่นนอกเหนือจากงาน 

 

งานอดิเรกที่มีส่วนช่วยในอาชีพ

การตกปลาโดยใช้เหยื่อปลอม (fly fishing) สอนให้เธอใจเย็นรอจนกว่าปลาจะมากินเบ็ด ซึ่งทักษะความอดทนและความมีระเบียบวินัยกับตัวเองเป็นสองทักษะสำคัญที่ช่วยในบทบาทการเป็นแพทย์ผิวหนังที่มีชื่อเสียงของแซนดรา

 

อุทิศชีวิตให้การศึกษาจนถึงวัยสามสิบ

หลังจบมัธยมปลาย แซนดราไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) ในสาขาชีววิทยา หลังจบ แซนดราเรียนต่อวิทยาลัยแพทยศาสตร์เดรกเซล (Drexel University College of Medicine Drexel) ที่ฟิลาเดเฟีย และไปฝึกงานที่โรงพยาบาล Allegheny General 1 ปี หลังจากฝึกงานเสร็จ เธอเป็นแพทย์ประจำบ้าน (resident) ตามกำหนด 3 ปี และได้ไปฝึกด้านเวชศาสตร์ความงาม การศัลยกรรมและการเลเซอร์กับ ดร. ริชาร์ด ฟิทซ์แพทริค หมอผิวหนังระดับโลก เธออายุได้ 33 ปี เมื่อสิ้นสุดการฝึกทุกอย่าง แซนดราเล่าว่า “ฉันไม่ใช่เด็กเก่งในชั้น แต่ฉันชอบการแข่งขัน ถ้าใครมาบอกว่าฉันทำอะไรไม่ได้ ฉันจะอยากลองทำมัน” และเธอก็ได้ใช้ทัศนคติกับการเรียนแพทย์

 

คลิปกดสิวสร้างชื่อ 

ก่อนเธอจะไวรัลจากคลิปกดสิว เธอทำรายได้ในเดือนแรกเพียงประมาณ 30 ดอลลาร์ เธอทำต่อไปจนเดือนถัดไปก็ได้รายได้ประมาณ 300 ดอลลาร์ และเดือนถัดไปถึงเริ่มได้หลายพันดอลลาร์ จนในตอนนี้ที่เธอมีรายได้ประมาณ 5 ล้านดอลลาร์

ในปี 2014 เธอเริ่มจากการโพสต์วิดีโอลงอินสตาแกรมส่วนตัวเพื่อให้ผู้ติดตามของเธอได้รับรู้ชีวิตประจำวันการเป็นแพทย์ผิวหนัง โดยได้แรงบันดาลใจจากการติดตามช่างทำผม Guy Tang แต่ผลตอบรับก็ดีกว่าที่คิด และวันหนึ่งเธอก็เจอชุมชนกว่า 50,000 คนที่ชอบโพสต์คลิปกดสิวแบบเดียวกันใน Reddit (เว็บบอร์ดของอเมริกาคล้ายๆ พันทิปบ้านเรา) เธอจึงลงทะเบียนเว็บนั้นด้วยชื่อว่า Dr. Pimple Popper ทำให้ชื่อนี้ก็กลายเป็นชื่อในวงการบันเทิงของเธอไปโดยปริยาย 

เมื่อเริ่มรู้ว่าวิดีโอกดสิวเป็นที่ต้องการ แซนดราจึงใช้โอกาสนี้ให้บริการทางการแพทย์ผิวหนังฟรีให้กับคนที่อนุญาตให้เธอถ่ายวิดีโอและเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ เธอให้สัมภาษณ์กับ The Washington Post ว่า “รู้สึกเหมือนได้สร้างพื้นที่ให้ผู้คนได้เผยแพร่ส่วนเล็กๆ ในชีวิตของตัวเองโดยไม่เปิดเผยชื่อ และคนเราไม่ได้อยากเห็นสิวของใครก็ไม่รู้ แต่อยากรู้เรื่องราวของคนๆ นั้นด้วย”

ตอนที่เธอเพิ่งเริ่มโพสต์วิดีโอลงยูทูบ เธอทำทุกกระบวนการเองทั้งหมด และใช้โปรแกรม iMovie ในการตัดต่อตามประสามือใหม่ จนต่อมาหันไปใช้ GoPro และโปรแกรมอื่นๆ และภายในไม่กี่ปี เธอก็ได้มีทีมงานของตัวเอง ปัจจุบันแซนดรามียอดผู้ติดตามในอินสตาแกรม 4.4 ล้านคนและยอดผู้ติดตามในช่องยูทูบ 7.2 ล้านคน

 

ต่อยอดความสำเร็จ

ในวันที่ 3 มกราคม ปี 2018 รายการ Dr. Pimple Popper ตอนแรกฉายบนทีวี รายการนี้ท้าทายความสามารถของแซนดราในการแก้ปัญหาผิวหนังที่ยากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ดำเนินมาถึงซีซั่นที่ 5 แล้ว และมีรายการพิเศษในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ชื่อว่า Before the Pop ที่เธอรักษาคนไข้ทางออนไลน์

และในปี 2019 เธอได้เปิดแบรนด์สกินแคร์ของตัวเอง https://slmdskincare.com/ สำหรับคนไข้ที่ไม่มีโอกาสได้รับการรักษาจากเธอโดยตรง โดยมีผลิตภัณฑ์พวก เรตินอล แป้งฝุ่นกันแดด คอร์ติซอลครีม และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิค

 

ในอดีตแซนดราเองเคยปัญหาผิวหนังเช่นกัน เธอเคยมีสิว เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง และเป็นโรคผมร่วงเป็นหย่อม (alopecia areata) เธอจึงเข้าใจความรู้สึกของคนไข้เป็นอย่างดี เธอกล่าวว่า “มีคนจำนวนมากที่ไม่กล้าออกไปข้างนอกเพราะปัญหาผิวหนังที่พวกเขาเผชิญ” ผู้คนเดินทางมาคลินิกของเธอที่แคลิฟอร์เนียเพื่อหวังให้เธอเปลี่ยนชีวิต “ฉันจึงรู้สึกโชคดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงแบบนั้น”

 

อ้างอิง

https://bit.ly/3zyzCTl 

https://bit.ly/3yqs0kA 

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights