ซ้าบ สุกฤษฏิ์: ผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้คนนึกถึง Bitcoin คิดถึง Bitkub

“นึกถึง Bitcoin คิดถึง Bitkub” คงเป็นประโยคที่หลายคนได้ยินบ่อยจนติดหูเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

วันนี้ Career Fact จะมาพูดคุยกับ ‘พี่ซ้าบ’ สุกฤษฏิ์ พุทธวิริยะ CMO ผู้อยู่เบื้องหลังสโลแกนด้านบนและแคมเปญอื่นๆ ที่ทำให้แม้แต่คนที่ไม่เคยสนใจคริปโทเคอร์เรนซีมาก่อนก็ยังรู้ว่าแพลตฟอร์มเทรดเหรียญดิจิทัลอันดับ 1 ของเมืองไทยมีชื่อว่าอะไร

 

ไม่ทำตามแผน

พี่ซ้าบเรียนจบจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตามคำแนะนำของทางบ้านที่อยากให้เรียนเศรษฐศาสตร์เพราะจบมาทำงานในธนาคารแล้วจะได้รับเงินเดือนดี แต่เมื่อเรียนจบมาเผชิญโลกความจริงพี่ซ้าบกลับพบว่าเงินเดือนเริ่มต้นของพนักงานธนาคารไม่ได้ดีอย่างที่คิด กว่าจะเติบโตไปถึงตำแหน่งสูงๆ ก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน แถมการแข่งขันของเด็กที่จบจากคณะเศรษฐศาสตร์เพื่อเข้าทำงานในธนาคารก็สูง เขาจึงเริ่มมองหาลู่ทางอื่นเนื่องจากสถานการณ์ของที่บ้านก็ไม่ได้ดีเท่าไรนัก

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็เจอกับบริษัท Lazada ผ่านเว็บไซต์หางาน และตัดสินใจสมัครที่บริษัทโดยตรงตามคำแนะนำของเพื่อนในตำแหน่ง Commercial Analyst เพราะคิดว่าทักษะการวิเคราะห์ที่ได้จากการเรียนเศรษฐศาสตร์น่าจะนำมาใช้ต่อในตำแหน่งนี้ได้ แต่พอเข้าไปทำงานจริงเขาก็ยอมรับว่ารู้สึกเฟลกับตัวเองพอสมควรเพราะงานไม่ใกล้เคียงกับที่คิดไว้เลย มีแต่สิ่งที่เขาไม่รู้เต็มไปหมด แต่แง่ดีก็คือเขาได้เรียนรู้อะไรจากงานนี้เยอะมาก 

 

เส้นทางสายดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง

3 เดือนผ่านไปเมื่อเขาได้เรียนรู้กระบวนการทำงานหลังบ้านจนพอใจแล้วเขาก็อยากลองมาทำหน้าบ้านบ้าง พี่ซ้าบจึงตัดสินใจขอสัมภาษณ์เพื่อย้ายไปทีม Digital Marketing แต่ทำได้สักพักหนึ่งเขาก็ได้รับโอกาสจากบริษัท Ensogo (เว็บไซต์ขายดีล) ทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปที่นั่น พี่ซ้าบย้ายงานอีกครั้งไปที่ Central Online ก่อนที่เขาจะเริ่มรู้สึกอิ่มตัวกับวงการ E-Commerce และอยากทำงานในธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจ

 

จุดเริ่มต้นของ Bitkub

ธุรกิจที่ดึงความสนใจพี่ซ้าบไปได้คือบิตคอยน์ โดยรู้จักจากเพื่อนและเว็บไซต์ซื้อขายเงินดิจิทัลอย่าง BX.in.th ที่ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว พอสนใจแล้วก็เริ่มศึกษาให้ลึกยิ่งขึ้นว่าเทคโนโลยีเบื้องหลังบิตคอยน์คืออะไร และจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการการเงินอย่างไร ตอนนั้นพี่ซ้าบสัมผัสได้ว่าบิตคอยน์จะกลายเป็นธุรกิจที่ใหญ่ในอนาคตและมองเห็นช่องว่างด้านการตลาดที่ตัวเองจะเข้าไปเสริมได้ เขาและเพื่อนๆ อีกกว่า 10 คนที่เชี่ยวชาญกันคนละด้านจึงก่อตั้ง Bitkub ขึ้นมา

ความท้าทายช่วงแรกย่อมมีอยู่แล้วเพราะถึงแม้จะบอกว่าค่อนข้างอิ่มตัวแต่ในขณะเดียวกัน E-Commerce ก็เป็นเหมือน Safe Zone ของเขา การต้องออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยเพื่อมาลองทำธุรกิจในอุตสาหกรรมใหม่ก็นับเป็นก้าวสำคัญ ยังไม่นับเรื่องที่ว่าต้องประหยัดงบประมาณในส่วนการตลาดให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่สวนทางกับธรรมชาติของการตลาด เพราะต้องนำงบส่วนใหญ่ไปพัฒนาโปรดักต์ให้ออกมาดีที่สุดก่อน 

 

การตลาดจากทรัพยากรที่มี

ช่วงนั้นเขาทำ Growth Hacking (เทคนิคสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในเวลาอันรวดเร็วและใช้งบน้อย) ด้วยการศึกษาพฤติกรรมของคนว่าตอนนี้ส่วนใหญ่ลงทุนกันที่ไหน และทำให้คนไทยรู้จัก Bitkub ให้ได้มากที่สุดด้วยการลงบทสัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ พยายามทำคอนเทนต์ที่น่าจะไวรัล รวมถึงการสร้าง Community บิตคอยน์ขึ้นมาทำให้ทราบว่าความต้องการของลูกค้าคืออะไร และสร้างความเชื่อใจให้กับลูกค้าให้ได้มากที่สุด จาก Trust และ Credibility ที่มี โดยการที่นำความโดดเด่นของการใช้งานที่เข้าถึงง่ายและเป็นผู้นำพาโอกาสใหม่นี้ถึงคนไทย

พี่ซ้าบมองว่าสิ่งที่ทำให้คนหันมาเลือกใช้ Bitkub คือหน้าตาเว็บไซต์ใช้งานง่ายและมีสินทรัพย์ให้เลือกเยอะ ซึ่งเหรียญที่เลือกมาก็เลือกแต่โปรเจกต์ที่ดีมีอนาคต ลงทุนได้

 

Bitkub อยู่รอบตัวเรา

จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกว่าโฆษณา Bitkub อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะในโลกออนไลน์ เวลาขึ้นรถไฟฟ้า เวลาขับรถผ่านป้ายบิลบอร์ด หรือแม้กระทั่งตอนขึ้นลิฟต์ไปออฟฟิศจนหลายคนน่าจะจำประโยค “นึกถึง Bitcoin คิดถึง Bitkub” ได้

นั่นเป็นการโปรโมตที่พี่ซ้าบตั้งใจวางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว เพราะสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดให้คนที่ไม่เคยลงทุนในคริปโทฯ มาก่อนหันมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลก็คือราคาที่สูงขึ้น และในวงการนี้จะมีปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า Bitcoin Halving หมายถึงการที่ราคาบิตคอยน์จะตกลงทุกๆ 4 ปีก่อนจะกลับขึ้นมาใหม่ในปีถัดมา อย่างเช่นในปี 2016 ที่ราคาตกลงและกลับขึ้นมาใหม่ในปี 2017 ทำให้พอคำนวณได้ว่าปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2020 และ 2021 พี่ซ้าบจึงเชื่อว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะสมที่จะทำให้คนรู้จัก Bitkub ให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ Bitkub เป็นตัวเลือกแรกที่หลายคนนึกถึงเมื่อต้องการลงทุนในคริปโทฯ

 

วิธีการจับกลุ่มลูกค้าในแต่ละช่วงวัย

พี่ซ้าบบอกว่าสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ยังอยู่ในวัยเรียนหรือเริ่มทำงานมักจะรับความเสี่ยงได้มากกว่า แต่อาจจะมีทุนทรัพย์น้อย Bitkub จึงกำหนดขั้นต่ำของจำนวนเงินที่จะนำมาลงทุนไว้เพียง 10 บาทเท่านั้น ทำให้คนกลุ่มนี้สามารถเรียนรู้ว่าควรจะลงทุนอย่างไรได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะล้มละลาย

สำหรับวัยทำงานที่มีสินทรัพย์มากขึ้นแต่รับความเสี่ยงได้น้อยลงก็จะเน้นที่การลดความเสี่ยงด้วยการกระจายพอร์ต เพราะการลงทุนในสินทรัพย์เดียวจำนวนมากก็ถือเป็นความเสี่ยงเช่นกัน

ซึ่ง bitkub เองได้ริเริ่มทำการเรียนการสอนให้นักลงทุนหน้าใหม่เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆด้วยกันผ่าน Bitkub Academy

 

สร้าง Ecosystem

เป้าหมายสำคัญของ Bitkub คือการสร้าง Ecosystem ของคริปโทเคอร์เรนซี่ในเมืองไทย Bitkub จึงไม่ได้มีแค่ศูนย์การแลกเปลี่ยนซื้อขายบิตคอยน์ แต่ยังมีการสร้างเครือข่ายบล็อกเชน และการสร้างสถานบันให้ความรู้ตั้งแต่พื้นฐานว่าบล็อกเชนคืออะไร ราคาบิตคอยน์ขึ้นจากอะไร การดูกราฟต้องดูอย่างไร รวมไปถึง Disruptive Technology อื่นๆ อย่าง Digital Marketing หรือ UI/UX ด้วยในอนาคต

 

Safe Zone มีไว้ให้ออก

ประสบการณ์ของพี่ซ้าบทั้งหมดเกิดขึ้นจากความกล้าคิดและกล้าทำ แน่นอนว่าการจะออกจาก Safe Zone ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าอยากเติบโต อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง การลองทำอะไรใหม่ๆ (ที่หลายคนมองว่าเป็นความเสี่ยง) ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ยิ่งอายุน้อย รับความเสี่ยงได้เยอะ ยิ่งต้องกล้า ถ้าเขายังยึดตามเส้นทางเดิมตั้งแต่เรียนจบมา เขาก็คงไม่มาถึงจุดนี้

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights