ยุคของ COVID-19 บังคับให้ทุกคนพึ่งพาโลกดิจิทัล และ E-Commerce มากยิ่งขึ้น เราได้เห็นภาพคนรุ่นพ่อรุ่นแม่หัดซื้อของออนไลน์ เราได้เห็นธุรกิจการขนส่งขยายตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในทำนองเดียวกัน ธุรกิจหลังบ้านอย่าง MyCloudFulfillment ก็เติบโตจนได้รับเงินทุนกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก SCB 10x (Venture Capital ของ SCB) รวมถึงนักลงทุนเจ้าอื่น ๆ อย่างคุณ Shannon หุ้นส่วนของ Gobi Partners และอดีตกรรมการรายการ Shark Tank Thailand
วันนี้ Career Fact จะมาพูดคุยกับ พี่เมฆ นิธิ สัจจทิพวรรณ CEO ของ MyCloudFulfillment ถึงที่มาที่ไปของธุรกิจ การดึงข้อมูลมาใช้เป็นจุดเด่นให้กับแบรนด์ และทิศทางในอนาคตหลังได้รับเงินลงทุน จะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามได้ที่นี่
รู้จักกับพี่เมฆ
พี่เมฆ นิธิ สัจจทิพวรรณ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ (BBA) สาขาวิชาการตลาด ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO และ Co-Founder ของ MyCloudFulfillment ธุรกิจระบบคลังสินค้าให้บริการครบวงจรที่ดูแล E-Commerce หลายร้อยราย โดยในปีนี้บริษัทมียอดออเดอร์สูงสุดต่อวันถึง 50,000 ออเดอร์ นับว่าเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 6 เท่า และภายในครึ่งปีที่ผ่านมามีมูลค่าซื้อขายสินค้าผ่านคลังกว่า 500 ล้านบาท
เติบโตมากับถ้อยคำดูถูก
พี่เมฆเติบโตมาในครอบครัวคนจีนในฐานะพี่ชายคนโต จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะโดนกดดันให้มารับช่วงต่อธุรกิจของที่บ้าน ทว่าพี่เมฆในวัยเด็กนั้นไม่ใช่คนโดดเด่นอะไร เขาทั้งเรียนไม่เก่ง ขี้อายจนตกเป็นเป้าให้คนอื่นแกล้ง แถมยังติดเกมอีกต่างหาก ทุกครั้งที่มีโอกาสได้ทานข้าวร่วมโต๊ะกับหุ้นส่วนของพ่อ ทุกคนต่างก็พูดว่าเขานั้นไม่เอาไหน เป็นแบบนี้แล้วใครจะพึ่งพาได้ และเมื่อมีตัวเปรียบเทียบเป็นน้องสาวตัวเองที่เรียนเก่งจนจบมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Oxford ก็ยิ่งทำให้ความไม่เอาไหนของพี่เมฆเด่นชัดขึ้นในสายตาบรรดาหุ้นส่วนและพ่อ
“เลี้ยงเสียข้าวสุก” นี่คือหนึ่งในคำดูถูกที่หุ้นส่วนของคุณพ่อใช้พูดถึงเขา พี่เมฆยอมรับว่าตอนนั้นเขาโกรธจนอยากใช้กำลังเพราะมันไม่ต่างกับการพูดว่าเขาไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าสุนัข ข้าวสุกเอาให้สุนัขกินก็ยังเฝ้าบ้านได้ แต่เอาให้เขากินแล้วได้ประโยชน์อะไร? แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้ตัวว่าที่พูดมานั้นคือความจริง ทั้งชีวิตเขาไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำๆ นี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้เขาลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อสร้าง Achievement ให้พ่อได้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกชายคนโตคนนี้บ้าง
โปรเจกต์แรกเจ๊ง
ก่อน MyCloudFulfillment จะถือกำเนิดขึ้น พี่เมฆเคยลองทำสตาร์ทอัพอย่างอื่นมาก่อน ซึ่งสตาร์ทอัพที่ว่านั้นคือ www.makemygems.com หรือเว็บไซต์ขาย Jewelry ออนไลน์ที่ลูกค้าสามารถเลือกและออกแบบทุกอย่างเองได้ ตั้งแต่ชนิดของพลอย แบบแหวน หรือกระทั่งบริการสลักชื่อ โดยเขาได้โมเดลนี้มาจากฝั่งอเมริกา สำหรับพี่เมฆนี่เป็นไอเดียที่น่าสนใจเพราะยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนบวกกับตลาด Jewelry ในเมืองไทยเองก็ใหญ่พอสมควร
เขาขายดีอย่างที่คิดไว้ในช่วงเดือนสองเดือนแรก แต่สุดท้าย ในระยะยาวก็ไปไม่รอดและต้องปิดตัวลง เพราะละเลยระบบโลจิสติกส์และไม่เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เหตุการณ์นี้แทนที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงทัศนคติของพ่อที่มีต่อพี่เมฆให้ดีขึ้น กลับกลายเป็นทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเขามากกว่าเดิม
จุดกำเนิด MyCloudFulfillment
เมื่อโปรเจกต์แรกล้มเหลว พี่เมฆก็ตัดสินใจกลับมาทำงานกับที่บ้าน และกลายเป็นเงาของพ่อไปโดยปริยาย เขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทำตามคำสั่งของพ่อไปวันๆ หลังทำได้ประมาณหนึ่งปี คลังสินค้าที่บ้านจาก 6 ที่เหลือเพียง 3 ที่ เรียกได้ว่ารายได้นั้นหายไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ทำให้เขารู้สึกว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ จึงเสนอกับพ่อให้ปรับเปลี่ยนธุรกิจให้พุ่งเป้าไปที่ End User กลุ่มใหม่ เพราะในปัจจุบันคนไม่ได้ซื้อของผ่านห้างค้าปลีกเพียงช่องทางเดียวแล้ว แต่หันไปสั่งซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น กอปรกับเห็นธุรกิจการขนส่งที่เปลี่ยนไปในเมืองจีนที่เน้นลูกค้ารายย่อยมากขึ้น จากโกดังเก็บเป็น Carton ก็กลายเป็น Parcel จึงเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ Fulfillment หรือ บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง เป็นบริการที่อำนวยความสะดวกเพื่อผู้ประกอบการออนไลน์ในเรื่องของพื้นที่จัดเก็บสินค้า (คลังสินค้า) การแพ็คสินค้า และการจัดส่งสินค้า รวมไปถึงระบบเชื่อมต่อช่องทางการขายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์ Marketplace (เช่น Shopee Lazada) และ Social Media ทำให้เจ้าของร้านจัดการออเดอร์ได้ง่าย
พี่เมฆทดลองให้บริการธุรกิจนี้แก่ลูกค้าเจ้าหนึ่งฟรีๆ อยู่ 1 เดือน เมื่อเห็นว่าธุรกิจนี้ค่อนข้างเวิร์ค เขาจึงย้ายออกจากออฟฟิศเล็กๆ ขนาดเพียง 200 ตารางเมตรและขอเช่าโกดังร้างของคุณพ่อ ทางฝั่งคุณพ่อเห็นธุรกิจเริ่มขยับขยายก็เลยยอมให้เช่าไป แม้จะมองไม่เห็นทางสร้างกำไรก็ตาม ทว่า ในท้ายที่สุด พี่เมฆก็พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับจากพ่อมากขึ้นหลังจากใช้พื้นที่เพียง 1 ใน 3 ของคลัง แต่กลับทำรายได้มากกว่าทั้งโกดังที่ยังคงให้บริการแบบเดิมๆ หากเป็นธุรกิจคลังสินค้าธรรมดา จะสามารถเรียกเก็บค่าเช่าได้เพียงตารางเมตรละ 200 บาท แต่เมื่อเพิ่มมูลค่าพื้นที่ด้วยการให้บริการอื่นๆ ทั้งการแพ็ค การส่ง การบริหารจัดการสต็อคสินค้าและอื่นๆ อีกมากมาย ก็สามารถเรียกค่าเช่าได้สูงขึ้นเกือบ 10 เท่าตัวเป็นตารางเมตรละ 1,800 บาทนั่นเอง
Data คือหัวใจ
การทำธุรกิจ E-Commerce ให้อยู่รอดในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญที่สุดคือความเข้าใจทิศทางตลาดและผู้บริโภคให้ถ่องแท้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่กำลังจะมาถึง โดยพี่เมฆมองว่ามี 3 สิ่งหลัก ๆ ที่ควรทำความใจ
- Understand Lifestyles Not Trend: หากผู้ประกอบการยึดติดที่ตัวสินค้าจะขายดีแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่การเข้าใจปัญหาลูกค้า จะสามารถขายดีได้อย่างต่อเนื่อง
- Understand Journey Not Channels: ปัจจุบันทุกช่องทางจําหน่ายมีความสําคัญเท่าๆ กัน เพราะแต่ละช่องทางมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป เช่น Marketplace อย่าง Shopee Lazada คือช่องทางการค้นหาสินค้าหรือดีลใหม่ๆ ส่วน Social Media เป็นช่องทางที่ใช้ในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือจากการีวิวแบบปากต่อปาก
- Understand Patterns Not Numbers: ต้องเข้าใจรูปแบบไม่ใช่ตัวเลข การขายสินค้าออนไลน์ค่อนข้างมีรูปแบบ อย่างการจัดโปรโมชั่นลดราคาประจำเดือนอย่าง 6.6 7.7 8.8
อาจมีคำถามเกิดขึ้นมาว่า แล้วเราจะทำความเข้าใจ 3 สิ่งนี้ได้อย่างไร? คำตอบง่าย ๆ ก็คือ “Data” ซึ่งในที่นี้หมายถึงข้อมูลการซื้อขายในแต่ละวัน ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสังเกตเห็นข้อผิดพลาดและทำให้วางแผนได้แม่นยำมากขึ้น
MyCloudFulfillment ในฐานะผู้ให้บริการด้านคลังสินค้าออนไลน์ครบวงจรเอง มีจุดแข็งอยู่ที่การเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจากระบบการจัดการต่าง ๆ 3 ระบบอันนำไปสู่ Customer Insight ที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ต่อยอดกับธุรกิจของตัวเองได้
- ข้อมูลจากระบบจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management Data) ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมต่อผู้ประกอบการและช่องทางการขายทุกช่องทางไว้ด้วยกัน และช่วยให้เข้าถึงข้อมูลการซื้อของลูกค้าว่าช่องทางไหนได้รับความนิยม หรือ สินค้าอะไรขายดีในช่องทางไหน ก็จะช่วยให้วางแผนโปรโมชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมองเห็นโอกาสการเติบโต (Growth Potential)
- ข้อมูลจากระบบจัดการเก็บสต็อคสินค้า (Inventory Management Data) จะช่วยแนะนําสต็อคสินค้าที่เหมาะสมของแต่ละ SKU ได้ (Stock Optimization) หากมีข้อมูลว่าสินค้าตัวไหนขายไม่ดี ก็สามารถปรับลดสต็อกเพื่อไม่ให้เงินจม ตัวไหนขายดีปรับเพิ่มเพื่อให้ส่งของได้เร็ว ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ธุรกิจบริหารค่าใช้จ่ายได้ดี มีเงินหมุน และส่งผลให้บริษัทเติบโต
- ข้อมูลจากระบบจัดการการแพ็คและขนส่ง (Fulfillment Performance Data) สินค้าแต่ละชิ้นมีต้นทุนในการทำโลจิสติกส์ไม่เท่ากันตามน้ำหนักที่ต่างกัน ข้อมูลนี้ทำให้มองเห็นกําไรและต้นทุนของสินค้าแต่ละออเดอร์ได้ ร้านค้าจะทราบได้ว่าสินค้าตัวไหนขายแล้วได้กําไรดี (เช่น ของน้ำหนักเบาแต่มูลค่าสูง อย่างกระเป๋าหนัง) ตัวไหนขายแล้วขาดทุน (เช่น ของน้ำหนักมากแต่มูลค่าต่ำ อย่างน้ำขวดลิตร) สามารถช่วยแนะนําวิธีให้ร้านค้าทําให้การซื้อต่อครั้งแพงขึ้น และช่วยให้ทํากําไรได้ดีขึ้น
ทิศทางในอนาคต
เบื้องต้นหลังได้รับเงินลงทุน เป้าหมายหลักของ MyCloudFulfillment คือการเติบโตในประเทศเป็นหลักและเน้นสำรวจความต้องการในต่างประเทศก่อน เมื่อบริษัทเติบโตจนขึ้นเป็นบริษัท Fulfillment อันดับ 1 ของประเทศและมั่นใจในศักยภาพตัวเองแล้ว จึงจะเริ่มขยายไประดับต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้เมื่อพิจารณาถึงโอกาสในการแข่งขันและความน่าสนใจของตัวประเทศเอง ประเทศที่ MyCloudFulfillment ตั้งใจจะบุกตลาดต่อไปก็คือเวียดนาม
ในแง่มุมของผู้ประกอบการที่จะมาเป็นลูกค้าของ MyCloudFulfillment พี่เมฆตั้งใจจะสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้แก่พวกเขาโดยมีเป้าหมาย 3 ข้อ นั่นคือ 1. ทำให้ลูกค้าพึงพอใจผ่านคุณภาพการแพ็ค 2. ทำให้ลูกค้าขายดีขึ้นผ่านการดึงข้อมูลต่าง ๆ ในระบบที่มีเพื่อนำมาวางแผนการขาย 3. ทำให้ลูกค้ามีกำไรมากขึ้นผ่านการลดต้นทุน
ส่วนในแง่มุมของกระบวนการหรือ Operation คุณธฤษ ตัณฑเสถียร ผู้ดำรงตำแหน่ง COO ไม่ได้มองว่าต้องขยายบริษัทจนทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว แต่จะมุ่งเน้นหาพาร์ทเนอร์ที่ดีเป็นหลัก เช่น บริษัทขนส่ง มาร์เก็ตติ้งเอเจนซี่ และทุ่มเทให้กับ Core Product จนทั้งบริษัทและพาร์ทเนอร์ได้รับกำไรด้วยกันทั้งหมด เพราะถ้าพันธมิตรของบริษัทเติบโต ตัวบริษัทเองก็จะเติบโตด้วยเช่นกัน
MyCloudFulfillment ในสายตานักลงทุน
MyCloudFulfillment เพิ่งจะได้รับเงินลงทุน Series A จากผู้ลงทุน ได้แก่ ECG-RESEARCH, Gobi Partners, NVest Venture และ SCB 10X มูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ความน่าสนใจของธุรกิจนี้คืออะไร?
คุณ Shannon หุ้นส่วน Gobi Partners บริษัท Venture Capital หรือ VC ชั้นนําที่เน้นการลงทุนในบริษัทระยะต้นทั่วเอเชียเห็นว่า วิสัยทัศน์ของ MyCloudFulfillment และทาง Gobi Partners ตรงกัน คือต้องการเข้ามาช่วยสังคมในภาพรวม อย่างที่ MyCloudFulfillment ต้องการช่วยสร้างรายได้และอำนวยความสะดวกให้คนที่มีไอเดียค้าขายแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร
ส่วนทาง ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท SCB 10X จํากัด และ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนผู้ลงทุนของ MyCloudFulfillment กล่าวว่า ผู้ขายสินค้าในตลาด E-Commerce มีเป็นหมื่นๆ เจ้า แต่คนที่ทำทั้ง Fulfillment และโลจิสติกส์มีน้อยจนแทบเรียกได้ว่าไร้คู่แข่ง และเมื่อมีการสั่งซื้อของออนไลน์ก็ย่อมต้องผ่านตัวกลางอย่าง MyCloudFulfillment เพื่อความสะดวก จึงเชื่อว่าหากรักษาระดับคุณภาพที่ดีแบบนี้ไว้ได้ ยังไงก็เป็นธุรกิจที่มีแต่จะเติบโต
“หากเมืองไทยเป็น Sweet Spot ของ E-Commerce MyCloudFulfillment ก็เป็น The Sweetest Spot” ดร.อารักษ์เอ่ย
สำหรับใครที่สนใจอยากเริ่มธุรกิจค้าขายออนไลน์ สามารถรับคำแนะนำจาก https://www.mycloudfulfillment.com/ แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการขายของมาก่อน ทางบริษัทก็พร้อมให้คำปรึกษาคุณอย่างเต็มที่
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อพูดถึง Personal…