ติณณ์ วุฒิธรรม: เอเย่นต์นักกีฬากับหน้าที่ดูแลนักกีฬาได้โฟกัสหน้าที่ในสนามให้ดีที่สุด

เมื่อพูดถึงอาชีพ ‘เอเย่นต์นักกีฬา’ หลายคนคงนึกถึงวงการกีฬาต่างประเทศที่ได้สร้างเอเย่นต์ชื่อดังระดับโลกหลายๆ คน และนั่นก็เป็นเป้าหมายของ ‘พี่มาเฟีย’ ติณณ์ วุฒิธรรม CEO แห่ง V Sport Management ที่เริ่มต้นวัยเด็กด้วยความฝันว่าอยากเป็นนักกีฬาอาชีพ และเผชิญกับการพิสูจน์ให้คนยอมรับที่ความสามารถมากกว่ามองที่นามสกุล แต่วันนี้เขาก้าวขึ้นมาดูแลนักกีฬาอาชีพด้วยตัวเองในอาชีพเอเย่นต์นักกีฬากับหน้าที่ดูแลเรื่องนอกสนามเพื่อให้นักกีฬาได้โฟกัสหน้าที่ในสนามให้ดีที่สุด

ความฝันคือฟุตบอลมาตลอด

พี่มาเฟียในวัยเด็กเป็นเด็กเกเรไม่ค่อยตั้งใจเรียนที่มีความฝันว่าอยากเป็น ‘นักกีฬาอาชีพ’ เพราะมีคุณพ่ออยู่ในวงการกีฬา (คุณถิรชัย วุฒิธรรม อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย) ความฝันเดียวของเด็กชายติณณ์คืออยากไปเล่นให้สโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด

เขาอยากเป็นนักฟุตบอลมาตลอด ตั้งแต่ช่วงเรียนก็ติดทีมโรงเรียนของสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จนได้ไปฝึกที่อังกฤษกับสโมสรอาร์เซนอลช่วง ป.5 และ ติดฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทยและได้ไปฝึกที่ไซตามะ ประเทศญี่ปุ่นตอน ป.6 พี่มาเฟียเล่าย้อนความหลังให้ฟังว่าเคยถูกพักการเรียนหนึ่งปีตอน ม.3 โดยโรงเรียนส่งเอกสารเป็นปึกให้เรียนที่บ้านแล้วเขาก็ไปสอบอย่างเดียว เมื่อรู้ความฝันและใจตัวเองมาตลอดว่าอยากเตะบอลมากกว่าเรียนหนังสือเพราะอยากเป็นนักกีฬา รวมถึงรู้ตัวว่าสภาพแวดล้อมของโรงเรียนไม่ซัพพอร์ตให้เขาเป็นนักกีฬาได้ จึงย้ายไปเรียนกรุงเทพคริสเตียน ซึ่งเป็นสถานที่ที่จะทำให้เขาแสดงฝีเท้าได้มากขึ้น

แรงกดดันจากครอบครัวที่มีพี่สาวเป็น VJ และพี่ชายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองโลว์โปรไฟล์กว่าพี่ๆ เขาบอกว่าแรงกดดันนี้เป็นอีกสิ่งที่หล่อหลอมให้เขามีวิธีคิด การใช้ชีวิตที่แตกต่าง และเป็นอย่างทุกวันนี้

ความจริงคือพิสูจน์ตัวเอง

พอได้เข้าเรียนที่กรุงเทพคริสเตียนพี่มาเฟียบอกว่าเป็นจุดเปลี่ยนเมื่อต้องอยู่หอ และอยู่ร่วมกับคนร้อยกว่าคน 

และลึกๆ ในใจเขารู้ตัวว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาเพราะเส้นสายของพ่อ เขากล่าวถึงช่วงเวลานั้นและสิ่งที่สะสมในใจมาตลอดว่า “สิ่งที่เจอคือต้องทำยังไงให้คนยอมรับที่ความสามารถมากกว่ามองที่นามสกุลเรา”

อุปสรรคหนึ่งที่ขัดขวางความฝันก็คือช่วงที่ใกล้ขึ้น ม.6 เขาพบอาการบาดเจ็บในช่วงคัดเก็บตัวฟุตบอลจตุรมิตร นอกจากนี้ยังได้รับสนับสนุนที่ผิดทางจากครอบครัวจนทำให้เขาห่างหายจากเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ พอและการได้โอกาสที่มากจนรู้สึกว่าเอาเปรียบคนอื่น ทำให้ไม่มีความมั่นใจในการเล่นและไม่ได้เป็นที่ยอมรับของกลุ่มเพื่อนๆ รวมถึงผู้ปกครองคนอื่นๆ ซึ่งลึกๆ แล้วเขาก็แอบเสียดายว่าหากมีโอกาสได้เข้าไปเล่นหรือเติบโตกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่กรุงเทพคริสเตียนอาจจะทำให้พี่มาเฟียสนใจเสียงข้างสนามน้อยลง และมั่นใจมากขึ้นเวลาอยู่ในสนาม

พี่มาเฟียเล่าให้ฟังว่าหลายๆ เรื่องที่เขาเจอกับตัวเองจนส่งผลต่อสภาพจิตใจ รวมถึงการได้เจอผู้คนในวงการกีฬามากมาย ทำให้ตกผลึกได้ว่าในวงการกีฬาอาชีพมีหลายปัจจัยที่จะทำให้คนๆ หนึ่งก้าวขึ้นไปเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้ ไม่ใช่ว่าบ้านรวยหรือบ้านจน และไม่ใช่ว่ามีแค่ความขยัน และความตั้งใจเท่านั้น

ระบบที่ดีสร้างนักกีฬาที่ดี

นักกีฬาที่จะอยู่ในจุดสูงสุดได้ไม่ใช่มีแค่พรสวรรค์อย่างเดียว เขาบอกว่า ‘สภาพจิตใจ’ ก็เป็นสิ่งสำคัญ และปัจจัยรอบข้างต้องพร้อมซัพพอร์ตให้เด็กคนหนึ่งสามารถพัฒนาตัวเองได้ ตั้งแต่แรงสนับสนุนพ่อแม่ ครอบครัว ผู้ใหญ่ในวงการ และคนรอบข้างที่เข้าใจ เพราะจะให้นักกีฬามีสภาพจิตใจที่พร้อมสู้และพัฒนาตัวเองได้ต่อไป

นักฟุตบอล บ้านเราควรจะสามารถ ‘รีไทร์’ แล้ว ‘มั่นคง’ ได้ ใช่หรือไม่ คือคำถามที่ติดอยู่ในใจของเขา ทำให้ ‘เอเย่นต์นักฟุตบอล’ เป็นสิ่งที่เขานึกถึงเป็นอันดับแรกๆ เพราะมองเห็นช่องทางจากวงการกีฬาต่างประเทศที่สร้างเอเย่นต์ชื่อดังระดับโลกหลายๆ คน รวมถึงประเทศไทยเองก็มีนักกีฬาฟุตบอลที่สามารถพัฒนาได้อีกมาก แม้ว่าพี่มาเฟียจะไม่สามารถเป็นนักฟุตบอลและนักกีฬาอาชีพได้ แต่เขาอยากจะสนับสนุนนักกีฬาและคอยซัพพอร์ตในทุกก้าวที่เดินไป ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและเขาให้คุณค่ามาตลอด 

นอกจากนี้กลไกและคุณค่าทางการบริการของคนไทยยิ่งทำให้เขาตกผลึกได้ และมีความต้องการสร้าง ‘มูลค่า’ ให้ อาชีพที่เขารักที่สุด คือ “นักกีฬา”

โอกาสในวงการกีฬาเพิ่มประสบการณ์

โอกาสสำคัญในวงการกีฬาของพี่มาเฟียที่ได้รับจาก ดร. ชาติชาย พุคยาภรณ์ คือการเป็นรักษาการประธานสโมสรฟุตซอลศรีปทุม เขาเล่าให้ฟังว่าแม้ว่าผลงานและช่วงรอยต่อที่เข้าไปทําทีมจะยากต่อการทําผลงานให้ดี แต่ด้วยวัย 22 ปี กับการบริหารคนทั้งทีมร่วม 30-40 ชีวิต รวมถึงการประสานงานต่างๆ และที่สําคัญแม้ผลงานจะแย่แต่เรื่องเงินและความเป็นอยู่ใน ช่วงที่พี่มาเฟียบริหารนั้น ก็ได้ใจน้องๆ นักกีฬาพอสมควรเลย

ปัจจุบันของมาเฟีย

ปัจจุบันพี่มาเฟียดูแลบริษัทเอเย่นต์นักกีฬาในชื่อ ‘V Sport Management’ โดยก่อนหน้านี้ดูแลนักกีฬาฟุตบอล และกลายมาเป็นบริษัทเอเย่นต์ที่หันมาโฟกัสดูแลนักกีฬากอล์ฟเป็นหลัก โดย V Sport เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเอเย่นต์หรือตัวแทนนักกีฬาที่มีนักกอล์ฟที่ดูแลอยู่ 3 คน และนักฟุตบอลอีกหลายสิบคน นอกจากนี้ยังเป็นอีเวนท์ออแกไนซ์ รวมถึงกำลังพัฒนาแอปพลิเคชันเก็บข้อมูลของนักกีฬาด้วย

กีฬาคืออาชีพไม่ใช่แค่งาน

จากประสบการณ์ที่อยู่ในวงการฟุตบอลและวงการกอล์ฟ พี่มาเฟียบอกว่าเอเย่นต์นักกีฬาในไทยไม่สามารถพัฒนาได้เพราะระบบออกแบบให้ทุกคนดิ้นรน และไม่ให้คุณค่าอาชีพ เพราะสนใจแต่เพียงมูลค่าเงินที่สร้างได้เท่านั้น 

กีฬาในบ้านเราตอนนี้เล่นแค่เป็นงานไม่ใช่อาชีพ

เขากล่าว

ระบบของต่างประเทศนั้นเอเย่นต์จะทำงานร่วมกับบริษัทการเงิน แต่ในประเทศไทยหน้าที่ซื้อขายนักบอลทุกวันนี้พี่มาเฟียคิดว่าเป็นเพียงนายหน้าเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้ว เอเย่นต์ต้องดูแลนักกีฬาแบบมืออาชีพ ตั้งแต่ดูแลการเงิน ไลฟ์สไตล์ ภาพลักษณ์ เก็บเงินลงทุนในสินทรัพย์ให้นักกีฬา ดูแลเอกสาร ทุกขั้นตอนในการเดินทาง รวมถึงโซเชียลมีเดียทั้งหมด

จุดยืนและหัวใจที่อยากรับใช้อาชีพและวงการกีฬา

พี่มาเฟียบอกว่าการที่ตั้งตัวเองเป็นเอเย่นต์และต้องต่อสู้กับชุดความคิดของคนรุ่นเก่าเป็นเรื่องยาก แม้ว่าเอเย่นต์มีหน้าที่ดูแลเรื่องนอกสนาม และทุกคนมองไปที่เอกสารการ รวมถึงจัดการต่างๆ แต่เขามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ “ควรทํา” อยู่แล้ว 

เพราะความจริงแล้วสโมสรระดับโลกต่างก็มีคนคอยดูแลจัดการเอกสารให้นักกีฬากันอยู่เสมอ เช่น เก็บเอกสาร และดูแลเรื่องใบอนุญาตการทำงานในประเทศ (Work Permit) เพราะนักกีฬาไม่มีเวลาและความรู้เพียงพอที่จะทำด้วยตัวเอง เขาอธิบายว่าเอเย่นต์คือการทําให้สโมสรหรือเจ้าของเงินเหล่านั้น มั่นใจว่าข้อเสนอของพวกเขาไปถึงนักกีฬาคนที่เขาต้องการ เพื่อให้แน่ใจได้ว่า สิ่งต่างๆ ในสโมสรจะเรียบร้อย 

สิ่งที่เราทําคือการดูแล ครอบครัว การลงทุน เพราะร่างกายของนักกีฬา คือทรัพย์สินสิ่งเดียวที่หาเลี้ยงครอบครัวในยามที่คุณเจ็บ เราไม่ได้บอกว่าเราจ่ายหรือเรามาดูแลให้ทั้งหมด แต่เราเข้ามาเพื่อช่วยให้นักกีฬาลดภาระ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานในสนาม

เขากล่าวเสริม

บทบาทสำคัญของเอเย่นต์นักกีฬาจึงเป็นการดูแลเรื่องนอกสนามทั้งหมด เพื่อให้นักกีฬาโฟกัสหน้าที่ในสนามให้ดีที่สุด 

อนาคตของกีฬาอาชีพและเอเย่นต์

“หลายคนเขาไม่ได้มีต้นทุนรองรับเท่าเรา” คือคำตอบของพี่มาเฟียที่มองวงการเอเย่นต์นักกีฬาว่ายังไม่สามารถไปได้ไกลพอในปัจจุบัน 

หากต้องการเปลี่ยนทัศนคติและความเข้าใจในวงการกีฬาอาชีพ พี่มาเฟียบอกว่าปัจจุบันเริ่มมีสถาบันองค์กรกีฬาที่จัดการรวมผู้เชี่ยวชาญจากแห่งต่างๆ มาร่วมกันพัฒนานโยบายด้านนี้ และติดตามเรื่องการวาง Career Path ให้กับอาชีพเอเย่นต์นักกีฬาอยู่บ้างแล้ว เพราะเอเย่นต์ในบางกีฬาถูกออกแบบให้กลายเป็นระบบที่ไม่มีอิสระ คล้ายเป็นสัมปทาน ไม่รองรับพอ เขาเชื่อว่าหากจะพัฒนาวงการกีฬาอาชีพและระบบเอเย่นต์นักกีฬาก็ต้องเอาวิชาการนำเพื่อพัฒนาในทุกด้าน

เรากำลังสร้างอาชีพๆ หนึ่งให้กับประเทศๆ หนึ่งอยู่ มันทำคนเดียวไม่ได้ แต่ทำเท่าที่เราทำได้

เขากล่าวทิ้งท้าย

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights