หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ ‘Duolingo’ แอปพลิเคชันสอนภาษาที่สร้างความแตกต่างให้ตัวเองด้วยการทำเป็นรูปแบบเกมสนุกๆ จนสามารถเติบโตเป็นสตาร์ทอัประดับยูนิคอร์นที่มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐและมีผู้ใช้งานกว่า 500 ล้านคนทั่วโลก
แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จัก ลูอิส วอน อาห์น (Luis von Ahn) ชายผู้สร้าง ‘Duolingo’ จากเป้าหมายลดช่องว่างทางการศึกษาระหว่างคนมีกำลังทรัพย์และคนไม่มี
ชีวิตวัยเรียนของ Luis von Ahn
ลูอิส วอน อาห์น เกิดที่ประเทศกัวเตมาลา ซึ่งเป็นประเทศที่ความเหลื่อมล้ำค่อนข้างสูง แต่เขานั้นอยู่ในกลุ่มคนโชคดีที่ที่บ้านมีฐานะและให้ความสำคัญกับการศึกษา ทำให้เขาได้เรียนในระบบสองภาษามาตั้งแต่เด็ก เมื่ออายุย่าง 18 ปีเขาก็เรียนต่อปริญญาตรีสาขาคณิตศาสตร์ (ที่บ้านเกิดเขาไม่มี) ที่ Duke University และเรียนต่อปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ Carnegie Mellon University ก่อนจะผันตัวเป็นอาจารย์ในภายหลัง
ขายกิจการให้ Google ถึงสองครั้ง
ลูอิสขึ้นแท่นเศรษฐีตั้งแต่อายุ 30 ต้นๆ จากผลพวงของการที่บริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่อย่าง Google ซื้อกิจการของเขาไปถึงสองครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2006 เมื่อ Google ซื้อ ESP ซึ่งเป็นเกมออนไลน์ที่ย่อมาจาก Extra Sensory Perception เป็นเกมที่ให้คนสองคนที่ไม่สามารถสื่อสารหากันได้เลือกคำที่อธิบายรูปภาพเดียวกัน ถ้าทั้งสองเลือกคำเดียวกันพวกเขาจะได้คะแนน และตัวเกมจะขึ้นรูปใหม่ให้เลือกคำต่อ อาจจะดูเป็นอะไรที่เล็กน้อย แต่รู้ตัวอีกที คนเป็นล้านก็มีส่วนช่วยให้ระบบการค้นหารูปของ Google ดีขึ้นมากแล้ว
ถัดมาในปี 2007 ลูอิสได้คิดค้นสิ่งที่เรียกว่า Recaptcha ซึ่งเป็นระบบที่ให้เราพิมพ์ตัวเลขหรือตัวอักษรที่ขึ้นมาในช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อพิสูจน์ว่าเราคือคนจริงๆ ไม่ใช่บอทหรือซอฟต์แวร์อันตรายที่จะเข้ามาเจาะระบบ Recaptcha นั้นถูกซื้อไปโดย Google เมื่อปี 2009 ด้วยราคาเลขแปดหลัก (เหรียญสหรัฐ) ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีการเผยตัวเลขแน่ชัด
จุดกำเนิด Duolingo
ลูอิสกล่าวอย่างถ่อมตนกับสำนักข่าว BBC ว่าปัจจัยหลักที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือการที่เขาโชคดีพอจะได้เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากครอบครัวเขามีเงินมากพอส่งเขาไปเรียนในโรงเรียนเอกชนสองภาษาในตัวเมืองกัวเตมาลา นั่นเท่ากับว่าเขาอยู่ในจุดที่มีแต้มต่อกับคนกัวเตมาลาส่วนใหญ่ เพราะกัวเตมาลานั้นจัดเป็นประเทศยากจน โดยมีสัดส่วนคนจนถึง 50% และกว่า 9% นั้นถูกจัดว่าเป็นกลุ่มที่ยากจนมากโดยธนาคารโลก แน่นอนว่าคนเหล่านี้แทบไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษา
เรื่องราวดังกล่าวนี้เองที่กลายเป็นแรงบันดาลใจเบื้องหลังการสร้าง Duolingo ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเรียนภาษาที่ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับคนทั่วโลก เพราะเขามองว่าสำหรับประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก การมีความรู้ภาษาอังกฤษนั้นหมายความว่าโอกาสในการเพิ่มรายได้จะมากขึ้นเป็นเท่าตัว ส่งผลให้คนเหล่านี้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย
ความสำเร็จในปัจจุบัน
ปัจจุบัน Duolingo มีคอร์สสอนภาษากว่า 100 คอร์สและมีภาษาให้เลือกเรียนถึง 38 ภาษา ถึงแม้ภาษายอดนิยมจะยังหนีไม่พ้นภาษาอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส Duolingo ก็ยังให้ความสำคัญกับการโปรโมตภาษาของชนกลุ่มน้อยอย่างภาษาเวลส์ ภาษานาวาโฮ และภาษาฮาวาย เช่นกัน
Duolingo สามารถทำกำไรต่อปีได้สูงถึง 90 ล้านเหรียญโดย 15 ล้านเหรียญมาจากค่าโฆณาที่ปรากฏในแอปพลิเคชันเวอร์ชันฟรี ในขณะที่อีก 75 ล้านเหรียญนั้นมาจากผู้ใช้งาน 2% ของแอปฯ ที่ยอมเสียเงินเพื่อเอาโฆษณาออกในเวอร์ชันพรีเมียม
“ผมมองว่าถ้าคุณใช้ Duolingo บ่อยและมีกำลังซื้อพอประมาณ อย่างน้อยคุณก็ควรจ่ายเงินให้เรา แต่ถ้าคุณไม่ได้มีเงินมากมาย เราก็มีเวอร์ชันฟรีให้คุณเป็นทางเลือก”
อ้างอิง
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อพูดถึง Personal…