จากวันที่ปฏิเสธหลักสูตรการศึกษา และ ‘กล้าตัดสินใจ’ ลาออกจากมหาวิทยาลัยเพราะอยากมีบริษัทของตัวเอง ทำงานทุกอย่างที่สามารถหาเงินเลี้ยงชีพ เพื่อเรียนรู้ว่า ไม่มีอะไรไม่ดี หรือเสียเวลา แต่เราจะได้เรียนรู้อะไรจากมันสักอย่าง สู่ผู้ก่อตั้ง ‘เฮือนสวนเฮา’ ในรูปแบบ “พื้นที่เรียนรู้การใช้ชีวิตที่ตระหนักถึงการรู้จักตัวเอง เข้าใจผู้อื่น และดูแลสังคม” และสวนเกษตรอินทรีย์เพื่อการเรียนรู้ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และเป็นผู้ก่อตั้ง ‘Ready Set Grow’ บริษัทที่นิยามตัวเองว่าเป็นพื้นที่เติมไฟให้กับคนวัยทำงาน
วันนี้ Career Fact ขอนำเสนอเรื่องราวชีวิตของ ‘กล้า’ ปาฏิหาริย์ มาตสะอาด หนึ่งในเกษตรกรรุ่นใหม่ที่จะมาเล่าบทเรียนและถอดมุมมองอาชีพเกษตรกรให้เราฟังกัน
เด็กชายกล้า
กล้าเกิดและเติบโตที่จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่เด็กกล้าเป็นคนเรียนดี สอบได้ที่ 1 ทำกิจกรรมก็โดดเด่น เป็นเด็กที่มีความมั่นใจ พอถึงช่วงมัธยมกล้าแยกกลุ่มกับเพื่อนและกลายเป็นคนเก็บตัว สิ่งที่เป็นเพื่อนกับเขาคือหนังสือ และเล่นคอมพิวเตอร์ กล้ายอมรับว่าช่วงนั้นเขาเริ่มกลายเป็น ambivert ที่สามารถเข้าสังคมได้ แต่ก็ชอบใช้ชีวิตคนเดียว
ตั้งแต่จำความได้กล้าบอกทุกคนตลอดว่าอยากเป็นเกษตรกร เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากการเล่นเกม Harvest Moon
แต่พอถึงช่วงม.5 ที่ต้องเริ่มหาที่เรียนต่อ เขาใช้เวลานั้นลองทำสวนจริงๆ ก็พบว่าความรู้สึกเมื่อลงมือทำต่างจากการเล่นเกม พอได้ออกแรงแล้วกลับเป็นว่ากล้ารู้สึกไม่ชอบทำเกษตรเลย
อยากมีบริษัทของตัวเอง
.กล้าชอบอ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง และแนวจิตวิทยาอยู่ตลอด ข้อคิดที่เขาตกผลึกจากหนังสือเหล่านั้นคือ “ความสำเร็จจะมาได้ เมื่อทำในสิ่งที่ชอบและสิ่งที่รัก” ความฝันของกล้าจึงอยากมีบริษัทของตัวเอง ทำให้เขารับงานทุกอย่างที่จะพาให้เขาเปิดบริษัทเองให้ได้ ความสนใจที่หลากหลายตั้งแต่ชอบการ์ตูน ชอบวาดรูป ก็ทำให้เขารับงานฟรีแลนซ์
กล้าเลือกเรียนต่อด้านกราฟิก ที่คณะเทคโนโลยีมัลติมีเดีย สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น แต่เรียนได้ไม่นาน เขาตั้งคำถามกับหลักสูตรการศึกษาว่าทำไมถึงต้องเรียนพื้นฐานที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำไมถึงไม่ได้เรียนวิชากราฟิกที่เขาสนใจ เพราะยิ่งจะเป็นการเสียเวลากับความฝันที่อยากมีบริษัทของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย “กว่าจะได้เปิดบริษัทของตัวเองก็ต้องเรียน 4 ปี กว่าจะจบ เราเลยออกดีกว่า เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเรียนต่อ” กล้ากล่าวเสริม
เราเรียนเพื่อไปทำงาน แต่ถ้าเราเรียนไม่มีความสุข แล้วทำงานจะมีความสุขหรอ
คือประโยคที่กล้าถามกับตัวเองในช่วงเวลานั้น แม้ตอนลาออก อ.ที่ปรึกษาก็เรียกไปคุยเพราะเสียดายที่กล้าเป็นคนตั้งใจเรียน และยังได้เกรดเฉลี่ยถึง 3.86 จนเกือบได้ทุนไปญี่ปุ่น แต่กล้าเชื่อว่าทางที่เขาเลือกคือสิ่งที่เขาต้องการที่สุด ประกอบกับช่วงนั้นเขามีปัญหารุมเร้าทั้งเรื่องเวลาและบ้านเป็นหนี้จนต้องขายบ้านสมุทรปราการ ทำให้เขาเลือกที่จะออกมาทำงานเก็บเงินแทน
กล้าทำงานหลากหลาย
หลังลาออกจากมหาวิทยาลัย กล้าแวะเวียนไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อทำกิจกรรมออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทอยู่เสมอ และเป็นเวลาเดียวกับที่เขารับงานเพื่อหารายได้ไปพร้อมกันด้วยอีกทาง ตั้งแต่งานออกแบบ สกรีนเสื้อขาย ขายหมูปิ้ง ขายคอนเฟลคคาราเมล เป็นแอดมินเพจหนัง ตัดต่อวิดีโอ เด็กเสิร์ฟ ฯลฯ พอทำค่ายได้สักพัก กล้าเริ่มรับงานวิทยากรเพื่อเพิ่มรายได้ รวมถึงสอนหนังสือในเรื่องที่เขาถนัดคือวิทยาศาสตร์
กล้าเริ่มเข้าสู่งานสายพัฒนาตัวเอง ทำกิจกรรม workshop และค่ายค้นหาตัวเอง เพื่อหาคำตอบภายในจิตใจและเส้นทางชีวิตว่าจะเอายังไงต่อ กิจกรรมที่กล้าทำมีตั้งแต่ไปวัด ตามพระธุดงค์ เข้าป่าศึกษาธรรมชาติ เขาบอกว่าการเรียนรู้ด้านในช่วยให้ได้เข้าใจและหาคำตอบของชีวิตมากขึ้น และการได้เจอผู้คนเยอะก็ทำให้รู้ว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่สำหรับตัวเอง เขาบอกว่าการจะหาคำตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้มแข็งคือความมั่นใจในตัวเอง
ไม่มีอะไรไม่ดี หรือเสียเวลา แต่เราจะได้เรียนรู้อะไรจากมันสักอย่าง
กล้ากล่าว
กล้าเริ่มต้น Ready Set Grow
2 ปีหลังลาออก กล้าเริ่มต้นโปรเจ็คใหม่ในชื่อ ‘Ready Set Grow’ ที่เขานิยามมันว่าเป็น พื้นที่เติมไฟให้กับคนวัยทำงาน เพื่อทำงานได้อย่างมีความสุขในทุกๆ วัน แต่ย้อนกลับไปในวันแรกเขาแค่อยากช่วยให้เด็กมัธยมไม่เสียเวลาในการหาคำตอบให้กับเส้นทางการเรียน โจทย์แรกของกล้าจึงทำ Ready Set Grow ส่งประกวดเวทีของ The Cloud และได้เงินรางวัลมาเริ่มต้น
กล้าบอกว่าปีแรกลงมือทำ Ready Set Grow ด้วยงบที่จำกัดทำให้ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
ปีที่ 2-3 เริ่มมีคนสนใจ เริ่มเข้าไปทำในองค์กรและมหาวิทยาลัย สะสมงานมากขึ้น พอสามารถระดมทุนเพื่อจดบริษัทได้ ก็มีเอเจนซี่เริ่มเข้ามาติดต่อ แต่เดือนธันวาคม 2020 โควิดมาซะก่อน
ปัจจุบันเขากลับบ้านมาใช้ชีวิตอยู่ที่กาฬสินธุ์ โปรเจ็คนี้ยังไม่ได้หายไป และเริ่มวางแผนไว้ว่า Ready Set Grow จะกลับมาในรูปแบบใหม่ด้วย
กล้ากลับบ้าน
พอโควิดมาและงานทุกอย่างหยุดชะงัก กล้าก็ตัดสินใจกลับบ้านเพื่อก่อตั้ง ‘เฮือนสวนเฮา’ ที่ปัจจุบันทุกคนรู้จักในฐานะสวนเกษตรอินทรีย์เพื่อการเรียนรู้ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์
จุดเริ่มต้นก่อนเป็น เฮือนสวนเฮา กล้าเริ่มต้นอยากปลูกข้าวเพราะเขาไปเจอคลิปยูทูปเกี่ยวกับการปลูกข้าวได้ 6 ตัน ซึ่งมากกว่าความเป็นจริง ทำให้เขาสนใจและค้นคว้าหาความรู้เพิ่ม เพราะที่บ้านก็มีที่ดินพอที่จะทดลองดู แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือละแวกบ้านของเขาดินไม่ดี น้ำไม่มี และต้องใช้ทุนเยอะ กล้าไตร่ตรองสักพักก่อนตัดสินใจโพสต์ประกาศหน้าเฟซบุ๊กว่าต้องการระดมทุนเพื่อปลูกข้าว 1 ตัน และเป็นการซื้อขายแบบล่วงหน้า ทั้งที่เขายังไม่ได้ปลูกต้นข้าวต้นแรกเลยด้วยซ้ำ
การระดมทุนครั้งนั้นกล้าได้เงินมา 75,000 มาเป็นเงินทุนปลูกข้าว และคอยอัพเดทผ่านโซเชียลเน็คเวิร์ก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนที่ใส่เงินลงทุนให้ “พอได้เงินก้อนใหญ่มาก็เต็มที่ อยากขายข้าวมากกว่าข้าว แต่เป็นวิถีชีวิต เป็นศูนย์การเรียนรู้ ขายอนาคตที่ช่วยคนอื่น” แต่สุดท้ายกล้าไม่ถึงฝั่งฝันที่จะปลูกข้าวได้ตามจำนวนที่ตั้งใจไว้ จากเป้าหมาย 1 ตัน เป็นเพียง 375 กิโล เพราะเจอปัญหาจริงๆ ที่ชาวนาส่วนใหญ่ต้องพบ เขาบอกว่าพอลงมือทำจริงๆ แล้วได้เข้าใจกระบวนการและปัญหาจริงๆ ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คิด แต่ถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่ทำให้เขากล้าเริ่มต้น และพัฒนาตัวเองในการทำเกษตรมาเรื่อยๆ ได้พบปะกับผู้คนมากขึ้น ได้เข้ากลุ่ม Young Smart Farmer ในกาฬสินธุ์ และสร้างคอมมูนิตี้เกษตรยุคใหม่ให้ถือกำเนิดขึ้นได้
กล้าเป็นเกษตรกร
จากที่เคยคิดว่าชีวิตติดลบ เริ่มจากศูนย์เพื่อกลับมาแก้หนี้ที่บ้าน แต่กล้าเล่าให้ฟังว่ามีรุ่นพี่คนหนึ่งบอกกับเขาว่าไม่มีใครเริ่มต้นจากศูนย์ แค่เกิดมาก็มีต้นทุนชีวิต ลองคิดให้ครบชีวิตว่าเรามีอะไรเป็นต้นทุนชีวิต
กระแสคนอยากกลับบ้านและอยากทำเกษตรเริ่มบูม กล้าบอกว่าคนที่สนใจต้องดูว่าอยากทำค่อยๆเป็นไป หรือ อยากจะทำทั้งหมด เขาชวนให้ลองกลับมาดูชีวิตตัวเองให้ครบก่อนที่จะลงมือทำ ที่ผ่านมาเขามาถึงจุดนี้ได้ไม่มีอะไรเสียเปล่าจากทักษะที่ติดตัวและเคยทำมาทั้งหมด เพราะปัจจุบันกล้าได้ใช้ทักษะมาปรับใช้กับการทำงานเป็นเกษตรกร
ปัจจุบันพอเข้าใจวงจร และวิถีชีวิตทุกตอนของเกษตรกร กล้าเห็นถึงคุณค่าของสิ่งต่างๆ ใกล้ตัว เขาบอกว่าเกษตรกรก็เป็นอาชีพไม่แตกต่างจากอาชีพอื่น หรือหากมองในมุมว่าหมอช่วยคน เกษตรกรก็ช่วยคนผ่านอาหารไม่ต่างกัน และทุกวันนี้ชีวิตเกษตรของเขาก็สนุกไปกับการปลูกผักสลัดขาย เลี้ยงตั้งแต่ไส้เดือน แหนแดง เลี้ยงควาย รวมถึงปลูกหญ้า แคคตัส ไม้ใบ เห็ด เป็นสวนผสมผสาน
เกษตรกรไม่ใช่แค่เกษตรกร
กล้าบอกว่าทุกวันนี้เขาไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นเกษตรกร เพราะพอได้รู้จักอาชีพนี้จริงๆ พบว่ามันยากมาก ทั้งต้องเป็นนักวางแผน นักการเงิน โลจิสติกส์ได้ ขนส่งได้ ซึ่งเขานับถือเกษตรกรทุกคนมากๆ และทักษะทุกอย่างจำเป็นมาก เขาเสริมว่าตอนนี้เป็นความโลกสวยมากๆ ที่สื่อสารผ่านสื่อกันอยู่ เพราะอาชีพนี้ต้องลงแรงกาย แรงใจ และอาศัยทักษะหลายด้านเพื่อแก้ปัญหา เช่น ปลูกผักใช้เวลานาน ระหว่างนั้นต้องรู้จักวางแผนรายได้ ต้องศึกษาข้อมูลเยอะๆ สิ่งสำคัญของการทำเกษตรคือ “รายได้และความอยู่รอด”
การทำเกษตร ทำให้เราได้เชื่อมโยงกับคุณค่าการใช้ชีวิตของตัวเอง มันดีสำหรับเรามาก
เขากล่าว
อยากเป็นเกษตรกร แนะนำหรือไม่แนะนำ?
พอเราถามว่ามีคำแนะนำอย่างไรกับคนที่สนใจอยากกลับบ้าน หรือ อยากเป็นเกษตรกร กล้าบอกว่าเขาอยากฝากเป็นคำถามให้คิดต่อ ลองคิดจากถามตัวเองว่าสิ่งนี้ทำแล้ว “ดีที่ได้อยู่กับครอบครัว” และ “ดีมากที่มีชีวิตช้า เชื่อมโยงกับธรรมชาติ” เป็นสิ่งที่ต้องการหรือไม่ หลายคนชอบการใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ แต่สิ่งที่ต้องเจอจริงๆ คือการคำนวณว่าทำอย่างไรว่าจะอยู่รอดได้ ต้องอยู่ในสังคมที่ไม่เข้าใจ และไม่เห็นด้วย รวมถึงเพิ่มการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ยาก ซึ่งอาจจะเจอสิ่งที่ทำให้หงุดหงิด ถ้าประมวลแล้วดีกับชีวิตก็อยากให้ทุกคนได้กลับมาทำสิ่งที่ตัวเองมีความสุขจริงๆ
เกษตรไม่ใช่คำตอบที่ดีเสมอไปสำหรับทุกคน เป็นคำตอบที่ดีมากๆ สำหรับใครหลายๆ คนอยู่เช่นกัน
กล้าเชื่อว่าเกษตรไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับคนกลับบ้าน แต่ประเทศเราพื้นฐานเป็นเกษตรกรรม เราเลยต้องกลับมาดูทรัพยากรที่มีอยู่ว่ามันเพียงพอที่จะเริ่มต้นหรือดีพอหรือไม่ หรือลองหาคุณค่าง่ายๆ จากการลงมือทำ เขาบอกว่าถ้าอยากทำเกษตรจริง ให้ลองปลูกผักก่อนเลย เพื่อจะเข้าใจได้มากขึ้นเยอะถึงกระบวนการในการรอคอยและการจัดการปัญหาต่างๆ
บทเรียนที่อยากส่งต่อถึงคนรุ่นใหม่
หามุมบาลานซ์ จุดพักใจ หาพื้นที่สบายใจ
กล้าบอกว่าช่วงโควิด ทำให้ปัญหาต่างๆ ของหลายคนรุมเร้าและการเดินต่อหยุดชะงัก เขาอยากฝากให้ทุกคนหาพื้นที่ที่สบายใจทั้งพื้นที่ทำงาน ใช้ชีวิต เพื่อหาความสุขกับชีวิตให้ได้ “ถ้ามีจุดสบายใจสักเรื่อง เดี๋ยวมันดีไปเรื่องอื่นๆ เอง ในสภาวะแบบนี้” กล้าทิ้งท้าย
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆแต่เมื่อพูดถึง Personal Branding…