Kim Property Live เพจอสังหาที่เห็นโอกาสจากวิกฤต

จากโปรแกรมเมอร์สายเทคที่ต้องตามโลกให้ทันตลอดเวลา สู่เส้นทางการลงทุนอสังหาฯ ที่เนิบช้าจากหนี้ 30 ล้าน ดิ้นรนจนรอดมาได้

วันนี้ Career Fact จะพาไปย้อนเส้นทางและบทเรียนของ ‘คิม’ ชัชวาลย์ วัฒนะโชติ ที่ได้จากโลกอสังหาฯ และโลกแห่งเทคโนโลยีที่เขาหนีไม่เคยพ้น จนมาเป็นเจ้าของเพจ Kim Property Live ติดตามได้ที่นี่

 

อยากเรียนวิศวคอมพิวเตอร์

พี่คิมในวัยเด็กเติบโตในครอบครัวจีนที่มีธุรกิจร้านค้าเล็กๆ ในจังหวัดอุทัยธานี เขาเล่าว่าความขยันขันแข็งเป็นสิ่งที่ติดตัวเขามาจากการทำงานและค้าขาย เขาชอบขายของให้เพื่อนที่โรงเรียนประจำ ชอบหารายได้และหาเงิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาสนใจเรื่องทำมาหากินมาตั้งแต่เด็กๆ 

แม้ว่าตอนเด็กพี่คิมมีความคิดจะเรียนต่อหมอเพราะที่บ้านเห็นว่าเป็นอาชีพมั่นคง แต่เขารู้สึกตัวเองว่าไม่เหมาะ ด้วยความที่พี่คิมเป็นเด็กเล่นเกม ชอบคอมพิวเตอร์ ประกอบกับมองว่าคอมพิวเตอร์จะเป็นทางที่ทำให้เติบโตร่ำรวยได้ในอนาคต จึงตัดสินใจเรียนต่อปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ศรีราชา) 

 

เพราะไม่รู้จึงต้องรู้

ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่งพี่คิมและน้องชายหาเงินจากการทำเว็บไซต์ฝากไฟล์ เขาเล่าให้ฟังว่าในสมัยก่อนเป็นยุครุ่งเรืองของเว็บบอร์ดที่พื้นที่มีราคาแพง เว็บไซต์ฝากไฟล์และอัปโหลดไฟล์จึงเป็นที่ต้องการ เขาจึงซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์เก่าๆ มาทำเว็บไซต์ โดยที่ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องอัพโหลดและการเขียนโปรแกรมเลย พอมองย้อนกลับไปเขาบอกว่าเป็นการเดินทางจากความไม่รู้ คิดน้อย อยากทำก็ทำ ซึ่งเป็นข้อดีของวัยเด็ก 

ถึงแม้จะมีรายได้จากค่าโฆษณาแต่สุดท้ายก็ไปต่อไม่ได้เพราะเว็บไซต์ล่มบ่อยจนต้องปิดเว็บ เป็นจุดที่ทำให้เขาตระหนักถึง “ความไม่รู้” ของตัวเอง

ในโลกของการสร้างธุรกิจจะมีแค่ความกล้าหรือมีความฝันอย่างเดียวก็คงไม่เพียงพอหากขาดความรู้ เมื่อค้นพบตัวเองว่าไม่มีความรู้ เขาก็ตัดสินใจไปเรียนเขียนโปรแกรมโดยนั่งรถตู้จากเกษตรศรีราชาทุกวันศุกร์หลังเลิกเรียนเพื่อเข้ากรุงเทพฯ และเรียนเขียนโปรแกรมในวันเสาร์อาทิตย์จนเริ่มมีความรู้มากขึ้น

นอกจากนี้เขาเคยลองทำโคโลเซิร์ฟเวอร์ (Co-location) ปล่อยพื้นที่ให้ดาวน์โหลดหนัง เพลงด้วย แม้จะมีผลตอบแทนหลักหมื่นแต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะโคโลเป็นสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมายทำให้พี่คิมได้เรียนรู้ว่าหากก้าวไปในทางที่ผิด ต่อให้โต ก็คงล้มเหลวอยู่ดี

 

โลกแห่งความอิสระ

งานทำเว็บไซต์ต่อในช่วงฝึกงานทำให้เขามีรายได้หลักหมื่นต่อสัปดาห์ และสกิลการเขียนโปรแกรม เขาจึงเริ่มเปรียบเทียบว่าการเรียนมหาวิทยาลัยต้องใช้จ่ายมากมาย แต่เรียนเขียนโปรแกรมเพียงแค่ 15 วัน เสียเงินหลักแค่หมื่นแต่ได้เงินกลับมาคุ้มมาก เพราะบางครั้งเรียนหนังสือทำให้ไม่รู้ความต้องการของลูกค้าแต่พอทำธุรกิจก็สามารถหาเงินและรู้ความต้องการของตลาดได้ทันที จนในที่สุดก็มีรายได้จากการทำโปรเจกต์ช่วยเพื่อนและรุ่นน้องจนถึงระดับมหาวิทยาลัยในประเทศ นอกจากนี้ยังเคยมีโอกาสทำโปรเจกต์ให้กับสภาวิศวกรด้วย

หลังจากเรียนจบปริญญาตรีพี่คิมเรียนต่อปริญญาโท สาขาวิชาบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ

สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) เพราะครอบครัวอยากให้เรียน แม้ว่าส่วนตัวเขาจะไม่ค่อยชอบเรียนเท่าไร เพราะเขาคิดว่ามหาลัยวิทยาลัยไม่ตอบโจทย์เขา และพอได้ทำงานตั้งแต่เด็กเลยรู้ตัวเองว่าต้องการอะไร ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็ยังคงหาเงินด้วยตัวเองอยู่ พี่คิมบอกว่าการเรียนมหาวิทยาลัยเป็นการเรียนรู้เครื่องมือหลายๆ อย่าง แต่ถ้าเริ่มทำงานจะรู้ว่าต้องการแค่เครื่องมือเดียวเท่านั้น เขาจึงเลือกเรียนเขียนโปรแกรมและทำเว็บไซต์ตามที่ตัวเองต้องการทั้งที่มหาวิทยาลัยไม่มีสอนเว็บไซต์ด้วยซ้ำ

“เหมือนเราเคยเข้าป่าลึกไปหาของกินมาแล้ว เราเลยไม่กลัวที่จะเข้าป่าอีกครั้ง” พี่คิมเล่าว่าเขาไม่เคยกลัวเรื่องความเสี่ยงและไม่คิดที่จะทำงานประจำเลย แม้จะมีข้อดีเรื่องของความมั่นคง แต่พอเขาได้ลองหาเงินเองได้เสี่ยงเองความเสี่ยงและความไม่มั่นคงกลายเป็นเรื่องปกติ ยิ่งเมื่ออยู่กับโลกออนไลน์ก็เห็นวิธีการหาเงินมากมายที่ไม่ต้องอยู่กับงานประจำ

 

โลกของการลงทุน

แม้จะเรียนป.โท ด้านบริหารแต่พี่คิมก็ยังทำงานไปด้วย เมื่อมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งเขาจึงลงทุนอสังหาริมทรัพย์และหาความรู้ผ่านการอบรมคอร์สเล็กๆ

ประสบการณ์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของพี่คิมค่อนข้างโหดร้ายเนื่องจากสถานการณ์รัฐประหารในช่วงนั้นทำให้ลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติและญี่ปุ่นบินกลับประเทศ เมื่อไม่มีลูกค้าก็ไม่มีคนช่วยจ่ายค่าเช่า สุดท้ายพี่คิมมีหนี้สินมูลค่าถึง 30 ล้าน โดยที่เขาต้องผ่อนจ่ายเดือนละ 2 แสนกว่าบาท พี่คิมเล่าให้ฟังว่าเป็นช่วงที่ความโลภจากการไม่เคยล้มเหลวทำให้เขาลำพองตัวเองมากเกินไปจนกลายเป็นบทเรียนที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต

เขาชักชวนเพื่อนลงทุนเปิดบริษัทนายหน้าโดยหวังว่าจะกลับฟื้นคืนมาจากการเป็นหนี้ให้ได้ พี่คิมอาศัยพื้นที่โลกออนไลน์มาช่วยสร้างธุรกิจจนทำเงินได้ เขาเริ่มจากการเปิดเพจเฟซบุ๊กและเขียนกระทู้พันทิปแชร์ประสบการณ์โลกอสังหาฯ หลังจากนั้นเลยหาพื้นที่โปรโมทให้บริษัทไปด้วย และเป็นกุญแจให้ผ่านพ้นวิกฤตนั้นมาได้ “พออยู่ในความยากลำบากมันเหมือนลงเหว มันต้องการวิธีให้ขึ้นไปให้ได้ เป็นมุมที่มนุษย์เติบโตได้และได้จากบทเรียนเสมอ” พี่คิมกล่าว

 

Kim Property Live คือความตั้งใจและจริงใจ

ความชอบเทคโนโลยีมาตั้งแต่เด็กและยังคงติดตามตลอด รวมถึงการชักชวนจากน้องชาย ทำให้เขาสนใจกระโดดเข้าสู่โลกออนไลน์อีกครั้ง แต่หากจะเขียนเว็บไซต์สร้างแพลตฟอร์มใหม่คงตามคนอื่นไม่ทัน เขาจึงเลือกทำคอนเทนต์ในแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้วจะได้ไม่ต้องหาฐานคนดูใหม่

นี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยูทูบช่อง Kim Property Live พี่คิมมองว่ายูทูบเบอร์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มาสายความรู้ พี่คิมเลยใช้จุดนี้เป็นตัวสร้างจุดเด่นของตัวเองในการนำเสนอความรู้ด้านอสังหาฯ จนในปัจจุบันมีผู้ติดตามมากถึงเกือบ 7 แสนคน

แพชชันและความตั้งใจเป็นสิ่งที่พี่คิมคิดว่าทำให้คนดูติดตามช่องของเขา เขาเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่มีความน่าเชื่อถือ แม้ว่าในโลกอินเตอร์เน็ตจะมีคนที่เก่งกว่า ความรู้เยอะกว่า พูดเก่งกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่พี่คิมเห็นว่าจะทำให้เติบโตได้คือความจริงใจ 

เขายืนยันว่าความจริงใจและความตั้งใจคือสิ่งที่ทุกคนจะสัมผัสได้ เพราะมนุษย์ต้องการเพื่อนที่ซื่อสัตย์ เขาเสริมว่า “ต้องจริงใจและถอยเรื่องเทคนิคลงบ้าง ใช้ความเป็นมนุษย์ให้มากที่สุดในการสื่อสารสิ่งที่เราเชื่อมั่นไปถึงคนอื่นให้มากที่สุด” พี่คิมเชื่อว่าต่อให้เทคโนโลยีจะก้าวไปข้างหน้าแค่ไหนแต่มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์

 

กล้าที่จะริเริ่มและไม่กลัวที่จะล้มเหลว

“ยิ่งผมโตขึ้น ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีความกล้าน้อยลง”

เมื่อคนเราเติบโตขึ้นก็มักมีข้ออ้างเหตุผลหรือค่าเสียโอกาสเยอะเลยไม่กล้าลงมือทำ และไม่กล้าริเริ่มอะไรใหม่ๆ สิ่งที่พี่คิมอยากฝากถึงคนรุ่นใหม่ก็คือ เมื่อเราอายุน้อย ต้นทุนค่าเสียโอกาสยังน้อยยิ่งต้องกล้าเสี่ยง ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความสำเร็จและได้เรียนรู้อะไรมากมาย

พี่คิมบอกว่าเราไม่สามารถเห็นทุกเส้นทางตั้งแต่วันแรก หลายคนที่ได้ทำงานตอนเด็กจะรู้สึกว่ามีคุณค่ามากเพราะเป็นช่วงที่ผู้คนเอ็นดู มีรุ่นพี่เห็นความขยัน และความซื่อสัตย์ในการทำงาน ดังนั้นตอนเด็กจึงต้องกล้าเสี่ยงต้องกล้าเลือกสิ่งที่เติบโตได้และให้คนสนับสนุนเรา

“อย่ากลัวที่จะเสี่ยง อย่ากลัวเดินทางขรุขระ ต้องล้มเหลวบ้าง ขอเพียงแค่ล้มเหลวแล้วอย่าตายอย่าติดหนี้หนักจนกลับมาไม่ได้ พออยู่รอดอย่างหนึ่งก็จะไปทางอีกได้” พี่คิมกล่าว

อีกหนึ่งบทเรียนก็คือ เราทุกคนมีความเก่งเท่ากันในช่วงแรก แต่หากพัฒนาให้เก่งกว่าเพื่อนรอบข้างเพียง 10 เปอร์เซ็นต์มันยังไม่โดดเด่นมากพอ แต่เมื่อได้ทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ จนโดดเด่นแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง พี่คิมบอกว่าหลังจากทำได้แล้วโอกาสอีกมากมายก็จะเข้ามา ดังนั้นทำตัวเองให้มีเวลาแล้วเอาเวลานั้นไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สร้างตัวเองให้ขึ้นมาจากสกิลที่โดดเด่นบางครั้งเมื่อเราปล่อยวางจากเรื่องเงินได้แล้วก็จะสามารถมีโอกาสได้มากขึ้น

 

แค่ต้องลองเสี่ยงอีกครั้ง

นอกจากการเป็นนักสร้างคอนเทนต์และยูทูบเบอร์ พี่คิมยังมีบทบาทเป็นทั้งนักลงทุนและเป็นคุณพ่อ เขาเชื่อว่าทุกอย่างต้องทำให้เต็มที่ที่สุด พี่คิมบอกว่าเขาเคยอยู่ในจุดที่ทำงานหนักมาก่อน ต้องนอนในรถ ซึ่งความขยันอย่างเดียวไม่ได้พาเราไปถึงจุดที่ต้องการเสมอไป ดังนั้นอยากให้คิดว่าอะไรพาเราไปที่ดีที่สุดแล้วส่งผลให้ได้มากที่สุด พี่คิมใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเล่าเรื่องบางอย่างแต่สามารถกระจายไปสู่หลายคนได้

“หนึ่งชั่วโมงต้องมีคุณค่าสูงสุดนั่นคือการเลือก” เขากล่าว 

ความฝันของพี่คิมเคยเป็นทั้งคนที่อยากรวย อยากประสบความสำเร็จ อยากเป็นพ่อค้านักธุรกิจ แต่สำหรับเป้าหมายข้างหน้าเขาตั้งใจไว้ว่าจะให้ความสำคัญกับการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นมากขึ้น เขาคิดว่าโลกของคริปโตเคอเรนซีจะสามารถกระจายอำนาจทางการเงินได้

แคมเปญถัดไปของช่อง Kim Property Live จึงไม่ใช่แค่นำเสนอเรื่องของอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ต้องการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการเงินในโลกปัจจุบันและอนาคตที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เขาทิ้งท้ายว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในสังคม จึงต้องใช้การโน้มน้าวและให้ความรู้ แม้ว่าการเปลี่ยนครั้งนี้จะแตกต่างออกไปจากการลงทุนในโลกอสังหาริมทรัพย์ที่คุ้นเคย แต่พี่คิมบอกว่า “นี่คือการเสี่ยงอีกครั้งของเขา”

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights