อธิศ วัฒนศัพท์: โปรดิวเซอร์เกม Free Fire ผู้เปิดตลาดอเมริกา

วันนี้ Career Fact จะมาพูดคุยกับ ‘พี่เจมส์’ อธิศ วัฒนศัพท์ จากวิศวกรที่ปรึกษาที่ยอมปฏิเสธข้อเสนอเงินเดือนกว่า 200,000 บาท สู่โปรดิวเซอร์ผู้ทำให้เกม Free Fire เป็นเกมที่ทำรายได้อันดับ 1 ของตลาด Latin America 

ชีวิตในรั้วมหาลัย

เหมือนกับเด็กมัธยมปลายหลายๆ คน พี่เจมส์ไม่ได้มีคณะในใจที่อยากเรียน เขารู้เพียงแค่ไม่อยากเรียนหมอตามความต้องการของคุณแม่ สุดท้ายเขาเลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมยานยนต์ ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ เพราะตอนมัธยมเขาเรียนวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ได้ดี บวกกับมีความชอบรถยนต์ตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไป 

ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาเรียกได้ว่าตรงกับกับวลีภาษาอังกฤษ ‘Work Hard, Play Harder’ สุดๆ เพราะนอกจากเขาจะเรียนได้เกรดดีแล้ว เขายังทำกิจกรรมมากมายทั้งนอกและในมหาลัยอีกด้วย เช่น ไป Work & Study ที่ประเทศออสเตรเลีย ทำงานกับองค์การบริหารสโมสรนักศึกษาทำให้เขามีส่วนร่วมทั้งการจัดงานใหญ่ๆ อย่างงานรับน้องและงานบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ และเป็นตัวแทนนักศึกษาเข้าร่วมโครงการ BETAGRO Food Safety Society 

พี่เจมส์บอกว่าความจริงแล้วเขาไม่ใช่เด็กเรียน และออกจะเป็นแนวเด็กหลังห้องด้วยซ้ำ แต่ที่เขาสามารถเรียนได้ดีก็เพราะเขาเป็นคนที่ชอบทำความเข้าใจอะไรอย่างถ่องแท้ทำให้สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ทำให้มีเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ มากขึ้น 

อาชีพที่ไม่ใช่ 

ถึงผลการเรียนจะดี พี่เจมส์รู้ตัวว่าการทำงานในสายวิศวกรรมยานยน์ไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบ หลังจากได้ลองไปฝึกงานที่โรงงานผลิตรถยนต์ของฟอร์ด

ซึ่งหลังจากเรียนจบ แม้พี่เจมส์จะได้รับข้อเสนอจากบริษัทรถยนต์ยักใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมทำเสนอเงินเดือนให้สูงถึง 200,000 บาท แต่เขาเลือกที่จะปฏิเสธข้อเสนอแล้วเลือกที่จะไปทำงานที่บริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมแห่งหนึ่งที่กำลังดูแลโปรเจคก่อสร้างรถไฟฟ้าขนาดใหญ่แทน ซึ่งบังเอิญตรงกับวิชาเลือกสมัยเรียนของเขาพอดี เขาจึงรู้สึกว่าเขาสามารถต่อยอดความสามารถของตัวเองได้ เลยอยากลองฝืนดูอีกสักตั้ง

ระหว่างทำงานที่นั่นเขาได้มีส่วนร่วมในโปรเจกต์ที่ใหญ่ที่สุดโปรเจกต์หนึ่งของบริษัทอย่างการเป็นที่ปรึกษาการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงอย่างที่หวังไว้ แต่สุดท้ายก็พบว่าด้วยภาพรวมของสายงานวิศวกรรมที่ค่อนข้าง Traditional ตัวเขาอาจจะไม่เหมาะกับสายอาชีพนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็อยู่ทำงานให้ครบ 1 ปีตามสัญญาก่อนจะตัดสินใจลาออก 

ในระหว่างที่ทำเรื่องลาออก เขาได้พบกับโฆษณาของ Sea ประเทศไทย ที่กำลังเปิดรับสมัครพนักงานในตำแหน่ง Management Associate เขาจึงตัดสินใจสมัครไปโดยที่รู้แค่ว่าเป็นงานที่ไม่เกี่ยวกับวิศวกรอีกต่อไป และได้รับคัดเลือกเข้าทำงานโดยหน้าที่แรกที่ได้เขาได้รับมอบหมายคือดูแลด้าน Online Marketing ให้กับเกม Free Fire 

เส้นทางอาชีพใหม่ 

เนื่องจากความรู้ด้านธุรกิจของเขาเป็นศูนย์แต่กลับต้องมาทำงานสายนี้ ช่วงที่ตอบคำถามสัมภาษณ์ก็รู้สึกว่าทำได้ไม่ดี เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่สมควรได้รับโอกาสนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นจบด้านธุรกิจโดยตรง ทำให้ช่วง 6 เดือนแรกพี่เจมส์แทบจะไม่มีเวลานอนหรือพักผ่อนเลยเพราะเขาต้องการพัฒนาตัวเองจนกว่าจะรู้สึกว่าเหมาะสมกับโอกาสที่ได้รับจริงๆ เขาทำงานมากกว่าที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นจนถึงตีสอง และพอกลับถึงบ้านเขาก็ยังเรียนคอร์สออนไลน์ด้านการตลาดออนไลน์ต่ออีก 2 ชั่วโมง รวมถึงวันเสาร์ อาทิตย์ ก็ทำงานอยู่เป็นประจำ

ถ้ารู้สึกว่าตัวเองแย่ ก็แค่ต้องทำยังไงก็ได้ให้เราไม่แย่

หลังจากนั้นเวลามีอะไรที่คิดว่าพอจะทำได้ เขาก็รับงานมาทำหมดแม้จะไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองก็ตาม หรือถ้าเป็นงานที่ถูกรับมอบหมายให้ทำอยู่แล้ว ก็จะทำให้ดีกว่าที่เจ้านายคาดไว้

ถึงอย่างนั้น ความพยายามของเขาก็ไม่นำมาซึ่งความสำเร็จในทันที เพราะเมื่อต้องนำเสนอผลงานเป็นภาษาอังกฤษในครั้งแรก เขากลับทำออกมาได้ไม่ดีจนเจ้านายเรียกไปตักเตือนว่าเขาเป็นพนักงานที่แย่ที่สุดในโปรแกรมนี้ หลายคนถ้าถูกต่อว่าแบบนี้คงถอดใจ แต่ไม่ใช่สำหรับพี่เจมส์ เขามีแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเองมากขึ้นเพราะเขาเป็นคนที่ไม่ชอบยอมแพ้ และเวลาทำอะไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด 

พี่เจมส์บอกว่าพอมองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกอยากจะขอบคุณหัวหน้าที่เคยกดดันและต่อว่า เนื่องจากเขาทำไปเพราะว่าอยากดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาออกมา ซึ่งหัวหน้าก็อาจจะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนประเภทที่จะเปลี่ยนคำดูถูกมาเป็นเชื้อเพลิงในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งโปรดิวเซอร์

พี่เจมส์ทำหน้าที่ดูแลในส่วนของเกม Free Fire มาโดยตลอดตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน และหลังจากทำได้หนึ่งปีกว่าๆ ก็ได้รับโอกาสให้ไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยก่อนไปเขาได้ถาม พี่นก มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ CEO แห่ง Sea ประเทศไทย ว่าสิ่งที่เธอคาดหวังจากพนักงานที่ได้ไปทำงานที่ต่างประเทศคืออะไร คำตอบที่เขาได้รับมาก็คือ มองว่าทุกคนที่ไปเป็นตัวแทนของเธอและประเทศไทย นั่นจึงทำให้ไฟที่ใกล้มอดของเขาถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งและตั้งใจว่าทุ่มเททำงานให้ออกมาดีที่สุดเพื่อไม่ให้เสียชื่อคนไทย และเพื่อไม่ให้พี่นกผิดหวัง

หลังจากนั้น 3 เดือน พี่เจมส์ก็ได้รับโอกาสให้เป็นโปรดิวเซอร์ที่ดูแลตลาด Latin America และ North America (ยกเว้นประเทศบราซิล) ซึ่งพี่เจมส์ก็ทำให้ Free Fire กลายเป็นเกมที่ทำรายได้อันดับ 1 ใน Latin America มาตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน และในปีนี้ทำรายได้เป็นอันดับ 1 สำหรับหมวดเกมส์ Shooting/Battle Royale ในประเทศอเมริกาด้วยเช่นกัน

เขามองว่าการที่เขาขึ้นมาถึงจุดนี้ได้นั้นมาจากนิสัยที่ชอบทำอะไรแล้วต้องทำให้ออกมาดีที่สุดและนิสัยชอบทำความเข้าใจอย่างละเอียดจนมีความรู้เชิงลึกและสามารถเชื่อมโยงภาพกว้างได้ทำให้สามารถตัดสินใจได้ดี อีกส่วนหนึ่งคือ ‘โชค’ แต่โชคจะไม่มีวันถูกเปลี่ยนเป็นโอกาสถ้าเขาไม่เตรียมตัวให้พร้อมมากพอ ดังนั้นเขาจึงเต็มที่และทุ่มเทกับทุกโอกาสที่ได้รับไม่ว่ามันจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ก็ตาม

คำแนะนำถึงคนทำงาน 

สำหรับคนทำงานในช่วงแรกเราต้อง ‘ทำงานหนัก’ เพื่อให้คนเห็นถึงความตั้งใจ แต่หลังจากนั้นเราต้อง ‘ทำงานอย่างชาญฉลาด’ ควบคู่ไปด้วยเพราะไม่ว่าเราจะทำงานหนักแค่ไหน เพราะทุกคนถูกแทนที่ได้เสมอดังนั้นเราจึงต้องเติบโตให้ใกล้เคียงกับคำว่าไม่สามารถแทนที่ได้ให้มากที่สุด 

สำหรับคนที่กำลังผันตัวเป็นหัวหน้าทีม พี่เจมส์แนะนำว่าจงเรียนรู้ที่จะเป็น ‘ตัวคูณ’ มากกว่าเป็นเพียง ‘ตัวบวก’ ที่เพิ่มมาแค่คนเดียว เพราะไม่ว่าคนเป็นหัวหน้าจะทำงานหนักแค่ไหน ผลลัพธ์ก็จะดีขึ้นได้แค่ระดับหนึ่งเพราะมีข้อจำกัดด้านเวลา แต่ถ้าหัวหน้าสามารถสร้างระบบที่สามารถพัฒนาคนในทีมได้ ผลลัพธ์ก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างทวีคูณ

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights