Ian Fleming: อดีตหน่วยสืบราชการลับ สู่ผู้เขียน ‘เจมส์ บอนด์ 007’

‘เอียน เฟลมมิ่ง’ (Ian Fleming) ถูกพูดถึงในฐานะผู้ให้กำเนิดสายลับ จากนายธนาคาร นักข่าวและเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของกองทัพเรือ สู่นักเขียนนวนิยายสายลับ ‘เจมส์ บอนด์’ และเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังฉากเด่นเรื่องไม่ว่าจะเป็นเกมไพ่ กอล์ฟ ผู้หญิง การพนัน ดำน้ำลึก ท่องเที่ยว และเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

วันนี้ Career Fact จะมานำเสนอเรื่องราวของ เอียน เฟลมมิ่ง นักเขียนชาวอังกฤษผู้ให้กำเนิดนวนิยายสายลับที่โด่งดังที่สุดในโลก

Ian Fleming ในวัยเด็ก

เอียน เฟลมมิ่ง (Ian Fleming) เกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 1908 เขาเติบโตในครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลในลอนดอน โดยมีพ่อเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งรับใช้ในกองทัพในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และปู่ของเขาก็เป็นนายธนาคารชาวสก็อต

หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย เอียนเข้าเรียนที่วิทยาลัยอีตัน ซึ่งเขาโดดเด่นในด้านกรีฑาและเป็นบ.ก.นิตยสารของโรงเรียน เขาเข้าศึกษาต่อที่ Sandhurst สถาบันการทหารชั้นยอดของอังกฤษ นอกจากนี้ยังเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมิวนิกและมหาวิทยาลัยเจนีวาในช่วงเวลาสั้นๆ ด้วย

นายธนาคาร

เอียนสูญเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก เขาถูกแม่กดดันให้ไปทำอาชีพนายธนาคาร ซึ่งเขาทำอย่างไม่เต็มใจ เริ่มต้นจากได้ตำแหน่งนักการเงินที่ Cull & Co จากนั้นไปที่ Rowe & Pitman ชีวิตในช่วงเวลาที่ไม่โปรดปรานผลักให้เขาเข้าสู่ธุรกิจการธนาคารและนายหน้าซื้อขายหุ้นอย่างเต็มตัว

เขาไม่เคยหยุดอยู่ที่บทบาทเดียว เขาเคยทำงานเป็นนักข่าว นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และนายธนาคาร ก่อนที่จะเริ่มเขียนนิยาย 

ต้นตำรับสายลับเจมส์บอนด์

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น เขาได้รับหน้าที่ในราชนาวีและทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองแห่งกองทัพเรืออังกฤษ ผลงานสำคัญของเอียนคือการเข้าร่วมวางแผนปฏิบัติการ Goldeneye (ซึ่งต่อมาถูกนำมาใช้เป็นชื่อภาคของภาพยนตร์ ‘เจมส์ บอนด์’) และวางแผนกำกับดูแลหน่วยข่าวกรอง หน่วยจู่โจมและที-ฟอร์ซ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เอียนได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับการจารกรรมเพราะต้องเดินทางไปหลายประเทศ โดยเขามักจะไปเยือนสหรัฐอเมริกาเพื่อประสานงานปฏิบัติการข่าวกรอง

หลังสงครามเขาพลิกชีวิตจากสงครามเป็นหยดหมึก เอียนได้ทำงานเป็นผู้จัดการต่างประเทศในกลุ่มหนังสือพิมพ์เคมสลีย์ และทำงานกองบรรณาธิการของ London Times 

ประสบการณ์ของเขาในฐานะเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกองทัพเรือ ผลักดันเขาให้เขียนนวนิยายสายลับและเขาเขียนนวนิยาย ‘เจมส์ บอนด์’ จนทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักเขียนชาวอังกฤษที่รู้จักกันดีที่สุดในยุคของเขา

นวนิยายเจมส์บอนด์ของเอียน

เขาตีพิมพ์นวนิยายเรื่อง ‘Casino Royale’ ในปี 1953 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสายลับของอังกฤษชื่อ ‘เจมส์ บอนด์’ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อรหัส 007 ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองหนุนกองทัพเรือ นวนิยายเรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีและพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จมาก และด้วยความสำเร็จนี้ เขาจึงออกนวนิยายเรื่องที่สองในซีรีส์เจมส์ บอนด์เรื่อง ‘Live and Let Die’ ในปี 1954 ซึ่งนวนิยายเรื่องนี้ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้อ่านเช่นกัน ตลอดเวลาหลายปีตั้งแต่ปี 1953-1966 เขาเขียนนวนิยายอีก 10 เรื่องในซีรีส์และเรื่องสั้นอีก 2 เรื่อง

เรื่องราวของสายลับเจมส์บอนด์จากปลายปากกาของเอียนเต็มไปด้วยการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น มีรถสปอร์ตที่เท่โฉบเฉี่ยว พร้อมกับผู้หญิงเซ็กซี่ซึ่งเป็นจุดขาย ทำให้เจมส์ บอนด์เป็นหนึ่งในตัวละครหลักที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในศตวรรษที่ 20 แต่เบื้องหลังของเจมส์ บอนด์ ที่เราได้เห็นในหนังสือและภาพยนตร์นั้น ล้วนเป็นฉากที่อยู่ในชีวิตจริงของเอียนแทบทั้งสิ้น เพราะตลอดชีวิตของเอียน เขาทำุกวิถีทางเพื่อหลบเลี่ยงโลกความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเกมไพ่ กอล์ฟ ผู้หญิง การพนัน ดำน้ำลึก ท่องเที่ยว และเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในแฟลตของเขาพร้อมกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่อีตัน 

เจมส์ บอนด์กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่ จนกระทั่งในปี 1961 เมื่อเอียนตัดสินใจขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เป็นสำหรับนวนิยายและเรื่องสั้นเรื่องเจมส์ บอนด์ให้กับแฮร์รี่ ซอลต์ซแมน และในที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้นักแสดงดังอย่างฌอน คอนเนอรี่ รับบทเป็นสายลับในภาคแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และนวนิยายเรื่องเจมส์ บอนด์ก็ติดอันดับหนึ่งในซีรีส์หนังสือขายดีตลอดกาล โดยมียอดขายมากกว่า 100 ล้านเล่มทั่วโลก

สายลับยังอยู่แต่นักเขียนต้องจากไป

เอียนสูบบุหรี่และดื่มสุรามาเป็นเวลานาน การเสพติดอบายมุขตลอดหลายปีจึงส่งผลต่อสุขภาพของเขา เขาป่วยเป็นโรคหัวใจและมีอาการหัวใจวายในปี 1961 และเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายอีกครั้งในวันที่ 12 สิงหาคม 1964

ตลอดชีวิตการเป็นนักเขียนเขาขายหนังสือได้ 30 ล้านเล่ม ยอดขายเพิ่มเป็นสองเท่าในสองปีหลังจากการตายของเขา เขาอยู่ในอันดับที่ 14 ในการจัดอันดับของ The Times ในฐานะ “50 นักเขียนชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1945” 

อ้างอิง https://bit.ly/3CAaEEE https://bit.ly/3pWYh22 https://bit.ly/3EMHWRZ

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights