การเรียนจบมาทำงานไม่ตรงสายคงไม่ใช่เรื่องแปลกในประเทศที่ไม่ได้มีงานรองรับให้กับทุกสายงาน แต่จะมีสักกี่คนที่จบเอกภาษาแล้วฉีกมาทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์จนได้ต่อยอดเป็นถึง CTO ให้กับบริษัทคริปโทฯ ชั้นนำของประเทศ?
คนที่เรากำลังพูดถึงอยู่คือ ‘พี่กอล์ฟ’ นิธิวัฒน์ มณีสินธุ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและ CTO แห่ง Bitkub Online ที่เริ่มเส้นทางโปรแกรมเมอร์จากการแก้บั๊กในเกม และเลือกที่จะต่อยอดทักษะที่มีเป็นอาชีพอย่างจริงจังเพื่อพิสูจน์ว่าใครๆ ก็เป็นโปรแกรมเมอร์ได้แม้จบไม่ตรงสาย
ติดตามเส้นทางอาชีพที่ไม่เป็นไปตามขนบของเขาได้ที่นี่
คณะที่ไม่ชอบพาไปเจองานอดิเรกที่ใช่
พี่กอล์ฟในวัยเรียนมีความสนใจด้านภาษามาตลอด เขาเลือกเรียนสายศิลป์-ภาษาเยอรมันตอน ได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันด้านภาษาตามที่ต่างๆ หลายครั้ง และมีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากเป็นนักเขียนตอนเรียนใกล้จบชั้นมัธยม แต่ถึงจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนขนาดนี้แล้วเขาก็ไม่สามารถทำได้ดั่งใจเมื่อมีแรงกดดันให้เจริญรอยตามครอบครัวที่ทำงานด้านกฎหมาย จนสุดท้ายเขาก็จำต้องเรียนนิติศาสตร์โดยไม่เต็มใจ
เขาไม่ใช่นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ที่ดีนักเพราะเขาไม่เข้าเรียนวิชากฎหมายเลยสักตัวเดียว แต่กลับตั้งใจทุ่มเทให้กับการเรียนเสริมวิชาภาษาที่เขาสนใจมาตั้งแต่แรกอย่างขมักเขม่น ทั้งยังเอาเวลาว่างที่เหลือไปเล่นเกมซะเป็นส่วนใหญ่ โดยเกมที่เขาชอบเล่นนั้นเป็นเกมเน้นเนื้อเรื่องที่ตอนนั้นยังไม่ได้รับความนิยมในเมืองไทยเท่าไร เขาจึงต้องเล่นผ่าน Private Server เอา และในเมื่อเซิฟเวอร์ที่เล่นไม่ใช่เซิฟเวอร์ออฟฟิเชียล ปัญหาที่เขาพบระหว่างเล่นก็คือเจอบั๊ก (Bug) เต็มไปหมด
จุดนี้เองที่ทำให้เขาเริ่มศึกษาการเขียนโปรแกรมเพราะอยากเปิดเซิฟเวอร์ให้กับเกมที่ตัวเองอยากเล่นและแก้บั๊กไปพร้อมๆ กัน จนได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม Developer ในชุมชน Open Source ของเกมที่พี่กอล์ฟไปช่วยแก้บั๊กให้บ่อยๆ นับตั้งแต่ช่วงเวลานั้น ก็แทบไม่มีวันไหนที่เขาไม่ได้กลับบ้านมาเขียนโค้ดอีกเลย
ใครจะรู้ว่าจากการโดนบังคับเข้าคณะที่ไม่ชอบจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาพบเส้นทางการเป็นนักเขียนโปรแกรม
โปรแกรมเมอร์คืออะไร?
แต่เมื่อถึงเวลาตัดสินใจซิ่ว พี่กอล์ฟก็ยังยึดมั่นกับเป้าหมายเดิมคือการเรียนภาษา เขาจึงตัดสินใจซิ่วไปเรียนที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพราะมองว่าการเขียนโปรแกรมเป็นเหมือนงานอดิเรกมากกว่า จนกระทั่งเขาได้เรียนวิชาบังคับของคณะที่สอนเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการสมัครงาน
ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบพรีเซนต์ให้แตกต่างจากคนอื่นเพื่อให้คนฟังไม่รู้สึกเบื่อเขาจึงเลือกที่จะพรีเซนต์ว่าจบไปแล้วจะเป็นโปรแกรมเมอร์ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่พรีเซนต์เกี่ยวกับอาชีพนักแปลหรือสจ๊วตที่ดูจะตรงสายด้านภาษามากกว่า ถึงแม้คะแนนพรีเซนต์ของเขาจะออกมาดี แต่หลังเรียนจบวิชานี้ อาจารย์ประจำวิชาก็เข้ามาพูดคุยกับเขาตรงๆ ว่าถ้าหากเรียนจบไม่ตรงสาย การจะเป็นโปรแกรมเมอร์ก็เป็นไปได้ยาก
พี่กอล์ฟไม่ได้มองว่าคำพูดของอาจารย์เป็นการดูถูกหรืออะไร เขารู้ว่าอาจารย์พูดออกมาเพราะความเป็นห่วง แต่คำพูดนั้นก็ทำให้เขาย้อนกลับมาถามตัวเองว่า แล้วการที่เขานั่งเขียนโค้ดจนถึงตีห้า หรือหมกมุ่นกับปัญหาที่อยากแก้จนเก็บเอาไปฝันนั้นยังไม่นับว่าเขาเป็นโปรแกรมเมอร์อีกเหรอ? พี่กอล์ฟจึงคลายข้อสงสัยของตัวเองด้วยการเสิร์ชกูเกิ้ลว่า “โปรแกรมเมอร์คืออะไร”
สิ่งที่เขาพบคือคลิปวิดีโอหนึ่งที่มีคนดังที่ทำอาชีพที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรมเป็นอาชีพหลักอย่างแรปเปอร์หรือนักกีฬาบาสเก็ตบอลมาพูดว่าพวกเขาเองก็เคยเขียนโค้ดเหมือนกัน เพื่อสื่อความหมายว่าใครๆ ก็เป็นโปรแกรมเมอร์ได้ และการเป็นจะเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนจบตรงสายเสมอไป เขาจึงลองพิสูจน์ข้อความนี้ด้วยการให้เวลาตัวเอง 1 เดือนในการสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรมเท่านั้น จนสุดท้ายเขาก็ได้งานประจำที่แรกที่ Garena
เอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีปัญหา
ถึงจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการได้งานประจำด้านการเขียนโปรแกรมแล้ว แต่พอเรียนมาไม่ตรงสายมาก็อดรู้สึกว่าตัวเองมี ‘ปมด้อย’ เล็กๆ ในใจไม่ได้ พี่กอล์ฟต้องการพิสูจน์ตัวเองตลอดเวลาว่าเขาก็เก่งไม่แพ้คนจบตรงสายเหมือนกัน ทำให้เขาค่อนข้างกระตือรือร้นกว่าคนอื่นๆ อย่างเช่น เวลาได้รับงานมาเขาก็มักจะรีบทำให้เสร็จก่อนเวลาเพื่อจะได้ถามหัวหน้าว่ามีงานให้ทำอีกไหม เขาของานใหม่จนถึงขั้นได้ไปช่วยงานบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในเครือเดียวกันเพราะเขาทำงานของ Garena จนไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
ใช้เวลาแค่ราว 2 เดือน Terry Zhao CEO ของ Garena ในขณะนั้นก็มองเห็นผลงานของพี่กอล์ฟและส่งพี่กอล์ฟไปสิงคโปร์เพื่อไปทำความรู้จักกับ Engineering Team ของทางนั้น หลังจากนั้นพี่กอล์ฟก็เดินทางไป-กลับระหว่างเมืองไทยและสิงคโปร์อยู่บ่อยๆ มีครั้งหนึ่งที่เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ขนาดใหญ่อย่าง Garena Live โดยรับหน้าที่ดูแลเทคโนโลยีฝั่งเว็บไซต์ทั้งหมด ความท้าทายคือการต้องปั้นเดโม่ขึ้นมาใหม่ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่ Terry ก็ยังไว้ใจให้พี่กอล์ฟเป็นหนึ่งในทีมหลักของโปรเจกต์นี้ที่สิงคโปร์
คนเราเก่งขึ้นจากการแก้ปัญหา ถ้าเราช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นได้ตลอด ก็จะมีคนมองเห็นความสามารถของเราเอง
‘กอล์ฟ’ นิธิวัฒน์ มณีสินธุ์
เริ่มต้นกับ Bitkub
ปัญหาที่เจอระหว่างการทำที่ Bitkub ช่วงแรกๆ คือ Work-Life Balance ที่หายไปเพราะเป้าหมายหลักของสตาร์ทอัพช่วงแรกคือต้องรีบทำให้บริษัทได้กำไรให้เร็วที่สุด แต่ในเมื่อช่วงแรกๆ คนยังน้อยและไม่ได้มีทุนไปจ้างคนอื่นเพื่อขยายทีม พี่กอล์ฟก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเสียสละเวลาพักผ่อนของตัวเองเพื่อทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ในช่วงเวลาปัจจุบัน (ที่พี่กอล์ฟเรียกว่าช่วง Bitkub 2.0) เป็นช่วงที่สามารถคาดหวังการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของฝั่งเทคฯ ได้เนื่องจากบริษัทกำลังลงทุนกับฝั่งนี้มากขึ้นเพื่อทำให้บริษัทสเกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรียนรู้อะไรจากวิกฤตตอนต้นปี
หลายคนอาจจะเคยได้ยินข่าวที่บอกว่า Bitkub โตขึ้น 10 เท่า ทว่า ความจริงพี่กอล์ฟบอกว่าการใช้งานของยูสเซอร์นั้นโตขึ้น 30 เท่า และไม่ใช่การเติบโตทีละเล็กทีละน้อยแต่เป็นการโตขึ้นทีเดียว 3000% ภายใน 2-3 วัน แน่นอนว่าพวกเขาที่อยู่หลังบ้านไม่มีทางรับมือได้ทัน แต่อย่างน้อยเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เป็นเหมือนสิ่งเตือนใจให้เปลี่ยนแนวทางการเติบโตให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ต่างจากเดิมที่เน้นให้ฟากธุรกิจโตไวจนละเลยฟากเทคโนโลยีที่เป็นรากฐานของบริษัท
อนาคตของ Bitkub
เป้าหมายทางฝั่งเทคฯ ของ Bitkub ในมุมมองของผู้ใช้งานคือการเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้งานรู้สึกปลอดภัย รู้สึกแฮปปี้กับการใช้โปรดักต์นี้ ให้สมชื่อแพลตฟอร์มเทรดเหรียญดิจิทัลอันดับ 1 ในไทย ส่วนในมุมมองของคนใน เขาก็ต้องการให้คนในทีมทุกคนทำงานได้อย่างมีความสุข
ปัญหาขาดคนวงการไอที
ลักษณะที่ Developer มีคล้ายๆ กันหมดคือชอบลงมือท้าทายอะไรใหม่ๆ แต่ก็ต้องเป็นสิ่งที่นำไปใช้งานจริงได้ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เมืองไทยให้ไม่ได้เพราะวงการเทคสตาร์ทอัพบ้านเราไม่ได้โตขนาดนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ‘ภาวะสมองไหล’
Bitkub จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหานี้ด้วยการก่อตั้ง Bitkub Venture ขึ้นมาโดยหวังว่าจะมีเทคสตาร์ทอัพในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เหล่าทาเลนต์ในเมืองไทยได้ปล่อยของอย่างเต็มที่ เมื่อคนเก่งมีพื้นที่ได้โชว์ศักยภาพในบ้านตัวเอง ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องออกนอกประเทศ
สิ่งที่อยากฝาก
ถ้าสนใจในเรื่องไหนเป็นพิเศษแล้วรู้สึกสนุกกับมัน พี่กอล์ฟก็อยากให้ลองไปให้สุดทาง เพราะการเรียนรู้ในยุคนี้ไม่ได้ยากเหมือนเมื่อก่อน การจะรู้ว่าเราอยู่จุดไหนแล้วเมื่อเทียบกับคนอื่น หรือมีตรงไหนที่เราพัฒนาได้อีกนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเมื่อทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้บนอินเทอร์เน็ต และเมื่อรู้แล้วก็อย่ารอให้โอกาสเข้ามาหา แต่ให้เป็นฝ่ายเข้าไปหาโอกาสด้วยตัวเอง
โอกาสเป็นของที่พร้อม เพราะฉะนั้นพยายามทำตัวให้เป็นคนที่พร้อมเสมอ
‘กอล์ฟ’ นิธิวัฒน์ มณีสินธุ์
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆแต่เมื่อพูดถึง Personal Branding…