ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. Tesla กลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก แซงหน้า Toyota โดยมูลค่ารวมบริษัทอยู่ที่ 188 พันล้านเหรียญสหรัฐ
หนึ่งในคนที่น่าจะมีความสุขที่สุดคงหนีไม่พ้น Elon Musk เนื่องจากผลตอบแทนของเขาในตำแหน่ง CEO ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของ Tesla เพียงอย่างเดียว โดยที่เขาได้รับไม่ได้รับเงินเดือนหรือโบนัสใดๆเลย
วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องเงินๆทองๆของ Elon Musk กัน
1. สำหรับผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ การผูกผลตอบแทนส่วนหนึ่ง กับผลงานของบริษัทถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าบริษัททำได้ดี ผู้บริหารก็จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น เป็นการเพิ่มแรงจูงใจ แต่ที่ไม่ปกติก็คือ Elon Musk ตกลงที่จะผูกผลตอบแทนทั้งหมดของเขาไว้ที่ผลงานของ Tesla โดยที่เงินเดือนจริงๆของเขา คือ 0 เหรียญสหรัฐ ไม่มีโบนัส ไม่มีการจ่ายในรูปแบบอื่น
2. สัญญาที่ Elon Musk ทำไว้ มีถึง 12 ขั้นด้วยกันในปี 2018 โดยมูลค่ารวมจะอยู่ที่ 55 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว ถ้าปลดล็อคข้อสัญญาได้ จะทำให้ Elon โดดขึ้นไปติด 10 อันดับแรกของบุคคลร่ำรวยที่สุดได้เลย (ถึงเวลานั้น คงมีการสับตำแหน่งกันอีกเยอะ)
3. สิ่งตอบแทนของแต่ละขั้นคือสิทธิ์ในการซื้อหุ้น Tesla จำนวน 1.68 ล้านหุ้น ที่ Elon สามารถซื้อได้ในราคา 350 เหรียญสหรัฐ รวม 12 ขั้น จะอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านหุ้น
แต่ไม่ใช่ว่า Elon จะสามารถซื้อหุ้นมาแล้ว ขายได้ทันที เขาต้องรออีกอย่างน้อย 5 ปี จึงจะขายออกมาเป็นเงินได้
4. กลับมาที่เงื่อนไขว่าทำอย่างไร ถึง Elon จะสามารถปลดล็อคแต่ละขั้นได้ อธิบายง่ายๆว่า Tesla จะต้องบรรลุ 3 เป้าหมายด้วยกัน ถึงจะปลดล็อค 1 ขั้น
– รายได้ (Revenue)
– กำไรหลังหักต้นทุนขาย ค่าเสื่อมสภาพ และค่าตัดจ่าย (Adjusted EBITDA)
– มูลค่าบริษัท (Market Cap)
ในแต่ละขั้น เลขก็จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เช่น มูลค่าบริษัทก็จะเริ่มจาก 100 จนไปถึง 650 พันล้านเหรียญสหรัฐ
5. เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา บอร์ดเพิ่งอนุมัติบันไดขั้นแรกของ Elon หลังจาก Tesla ทำผลงานได้เข้าเป้า โดยมูลค่าเทียบกับราคาหุ้น Tesla จะอยู่ที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
รายละเอียดบันไดขั้นแรก (พันล้านเหรียญสหรัฐ)
– รายได้ (Revenue): 20
– กำไรหลังหักต้นทุนขาย ค่าเสื่อมสภาพ และค่าตัดจ่าย (Adjusted EBITDA): 1.5
– มูลค่าบริษัท (Market Cap): 100
6. แม้ยังไม่มีการยืนยันว่า Elon ได้ใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นดังกล่าวหรือยัง แต่ปัจจุบันเขาก็ยังถือหุ้น Tesla อยู่ 20.8% ซึ่งก็มีมูลค่าไม่เยอะเท่าไร เพียงแค่ 36 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นเอง
วันนี้หลายคนอาจจะบอกว่าผลตอบแทนที่ Elon Musk ได้นั้นเยอะมากๆ แต่ถ้าย้อนกลับไป 12 ปี ตอน Elon Musk ขึ้นมาเป็น CEO ไม่มีใครเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะขึ้นมาแทนรถใช้น้ำมัน ถ้าบอกว่า Tesla จะทะยานขึ้นสูงขนาดนี้ได้ จนวันที่ขึ้นเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก คนสมัยนั้นคงมองเป็นเรื่องตลก
เรื่องนึงที่คงกลับมาสอนเราได้ดี นอกจากควรจะซื้อหุ้น Tesla ไว้เนิ่นๆ ก็คือทำงานให้หนัก โฟกัสกับสิ่งที่ทำ แล้วผลงานมันจะตอบแทนเราเอง
อ้างอิง
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์
FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อพูดถึง Personal…