Danny Suwanapruti: คนไทยในบริษัทการเงินระดับโลก ที่คว้าทุกโอกาสในการเรียนรู้

วันนี้พบกับ Career Fact Global โปรเจ็คร่วมกันระหว่าง Career Fact และพี่ต้นสน สันติธาร เสถียรไทย – Dr Santitarn Sathirathai ที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หลายคนที่ฝันอยากไปทำงานในต่างแดน สำหรับบทความเปิดตัวเราขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ ‘พี่แดนนี่’ คนไทยสายการเงินในต่างแดนที่ทำงานในต่างประเทศมานานกว่า 20 ปี

จุดแข็งและจุดอ่อนของคนไทยในสายตาคนต่างชาติคืออะไร?

ภาษาคืออุปสรรคใหญ่ของการทำงานที่ต่างประเทศจริงไหม?

ประสบการณ์ทำงานในต่างประเทศให้อะไรกลับมาบ้าง?

หาคำตอบได้ที่นี่

รู้จักพี่แดนนี่

พี่แดนนี่เรียนจบจาก London School of Economics และเริ่มงานแรกเมื่อปี 2000 ที่ 4CAST โดยดูแลส่วน European Fixed Income Strategy แล้วย้ายไปทำงานที่ Standard Chartered ที่สิงคโปร์ในตำแหน่ง Asian Fixed Income Strategist อยู่ราว 10 ปี ก่อนจะย้ายไปเป็น Global Head-Rates Research ที่ ANZ Singapore จนถึงปี 2016 ก่อนจะย้ายมาที่ Goldman Sachs จนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันพี่แดนนี่ดำรงตำแหน่ง Head of Asia Emerging Markets Foreign Exchange and Rates Strategy และติดท็อป 4 Pan-Asian Rates Strategist ที่จัดอันดับโดยนิตยสารการเงินอย่าง Asiamoney และ The Asset มาแล้วถึง 4 ปีติดต่อกัน

ถึงแม้จะทำงานที่ต่างประเทศแต่ก็ยังมีอิมแพคกับเมืองไทย

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2006-2007 ตลาดพันธบัตร (Bond Market) ในเอเชียยังค่อนข้างเล็ก และเพิ่งมาเริ่มโตขึ้นหลังวิกฤตการณ์การเงินโลกเมื่อปี 2008 ที่ทำให้ทั้งค่าเงินดอลล่าร์และอัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้ตอนนั้นการตัดสินใจลงทุนที่สมเหตุสมผลคือการลงทุนตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศ Emerging Market หรือประเทศกำลังพัฒนา นักลงทุนใน Offshore Financial Center จึงเลือกที่จะลงทุนในแถบเอเชียซึ่งมีอยู่ 3 ประเทศหลักคืออินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ซึ่งแต่ละตลาดจะมีน้ำหนัก 10% เพราะฉะนั้น 3 ประเทศนี้จึงเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญสำหรับ Fixed Income Manager ที่ลงทุนในเอเชีย แต่เมื่อ 10 ปีที่แล้วการที่คนต่างชาติจะเข้าถึงนักลงทุนท้องถิ่นหรือธนาคารกลางในไทยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงต้องคอยมีตัวกลางประสานคอยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตลาดการเงินไทยที่จำเป็นให้กับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งคนๆ นั้นก็คือพี่แดนนี่นั่นเอง

การทำงานในต่างประเทศให้อะไรกับเรา

สิ่งที่การทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทระดับโลกหรือภูมิภาคที่เปิดโอกาสให้ได้ทำงานร่วมกับคนหลากหลายเชื้อชาติให้คือมุมมองและความรู้ที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัฒนธรรม ระบบ กระบวนการทำงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องคน

อย่างตัวพี่แดนนี่เองที่ทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ ซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติสูงมาก ไม่ใช่แค่มาจากคนละประเทศแต่มาจากคนละภูมิภาค จึงทำให้พี่แดนนี่มีโอกาสได้เรียนรู้วิธีการทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกันตลอดเวลา และเมื่อมีโอกาสได้เห็นความหลากหลายนี้ เราก็จะสามารถสร้างหรือปรับวิธีการทำงานที่เหมาะกับเรามากที่สุดได้

คนไทยขี้เกรงใจ

เมื่อถามถึงความแตกต่างของวัฒนธรรมการทำงานของที่ไทยและต่างประเทศ พี่แดนนี่ก็ได้ให้คำตอบกับเราว่า ความแตกต่างที่ชัดเจนข้อหนึ่งคือคนไทยเป็นคนขี้เกรงใจ เราแคร์คนอื่น เรามีความ Considerate มี Service Mind นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมธุรกิจการท่องเที่ยวของเราถึงดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่พอมองนิสัยนี้ในแง่วัฒนธรรมการทำงานบริษัท ก็อาจจะต้องลดความเกรงใจตรงนี้ลงบ้างแล้วเพิ่มความกล้าออกความเห็นให้มากขึ้น ถึงแม้ความเห็นนั้นจะ Challenge หัวหน้าหรือระดับผู้บริหารก็ตาม

อย่างที่สิงคโปร์ที่พี่แดนนี่ทำงานอยู่ในปัจจุบันก็จะมีวัฒนธรรมการทำงานที่ค่อนข้าง Flat ในแง่ของการแลกเปลี่ยนไอเดียเวลาทำงาน กล่าวคือความเห็นของทุกคนไม่ว่าจะเป็นพนักงานระดับไหนก็จะมีน้ำหนักพอๆ กัน

พี่แดนนี่มองว่าคนไทยมีทั้งศักยภาพและความมุ่งมั่นที่อยากจะเติบโต ติดอย่างเดียวคือความกล้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยหลายคนพลาดโอกาสในการโชว์ศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองในโลกการทำงาน

ภาษาเป็นอุปสรรคมากแค่ไหน

สำหรับเรื่องนี้พี่แดนนี่มองว่าคนไทยมองมันเป็นปัญหามากเกินไป เพราะในฐานะที่เขาได้มีโอกาสร่วมงานกับคนหลายเชื้อชาติทำให้เขาพบว่ามีน้อยคนมากที่จะพูดอังกฤษสำเนียงดีถูกไวยากรณ์เป๊ะ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสไปเรียนในอเมริกาหรืออังกฤษ คนส่วนใหญ่ที่พี่แดนนี่ทำงานด้วยล้วนอาศัยและจบการศึกษาในประเทศของตัวเอง ดังนั้นพี่แดนนี่จึงไม่อยากให้ความไม่มั่นใจเรื่องสำเนียงหรือภาษาเป็นอุปสรรคต่อความกล้าในการแสดงความเห็น

ไม่รู้ก็ต้องถาม

ความขี้เกรงใจนอกจากจะเป็นอุปสรรคต่อการแสดงความเห็นแล้ว ยังเป็นอุปสรรคต่อการเอ่ยปากถามด้วย

พี่แดนนี่เริ่มงานแรกในบริษัทสตาร์ตอัป ทำให้ไม่ได้มีระบบเทรนนิ่งหรือมีรุ่นพี่มาคอยสอนงานเหมือนบริษัทใหญ่ ชิ้นงานแรกๆ ที่ได้ทำก็เป็นแค่งานพื้นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย เมื่อทำไปสักพักเขาก็เกิดคำถามกับตัวเองว่า “ถ้าได้ทำแต่งานแบบนี้ เราจะโตได้อย่างไร?”

พี่แดนนี่จึงเริ่มหาหนทางในการพัฒนาตัวเอง สิ่งที่พี่แดนนี่ทำคือใช้ทักษะการเน็ตเวิร์กกิ้งที่คนไทยถนัดให้เป็นประโยชน์ เขาสังเกตเห็นว่าพี่ๆ ในที่ทำงานจะซื้อแซนด์วิชมาทานเป็นมื้อเช้ากันทุกวันศุกร์ เขาจึงอาสาไปเป็นคนซื้อให้แล้วเข้ามาร่วมวงสนทนาและทานมื้อเช้ากับทุกคน สาเหตุหนึ่งที่เขาเลือกวันศุกร์ตอนเช้าก็เพราะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังอารมณ์ดีและผ่อนคลาย ไม่ใช่ถามตอนที่ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับงาน โดยระหว่างนั้นเขาก็จะคอยตะล่อมถามเกี่ยวกับสิ่งที่เขาสงสัยเกี่ยวกับเนื้องานที่ทุกคนทำหรือศัพท์เทคนิคที่เขาไม่เข้าใจ แล้วก็ไปค้นคว้าหาความรู้เพิ่มต่อเอง บางครั้งเขาก็ถามหัวข้อเดิมกับหลายๆ คนเพื่อให้ได้มุมมองที่แตกต่างเพื่อมาสร้างความเข้าใจให้กับตัวเอง

สรุปแล้ววิธีการเรียนรู้ของเขาก็คือการเข้าหาและถามสิ่งที่อยากรู้อย่างสุภาพและถูกจังหวะ อย่าคาดหวังว่านั่งเฉยๆ แล้วจะมีคนมาคอยสอน พี่แดนมองว่าในเมื่อคนไทยมีภาพลักษณ์ในสายตาคนต่างชาติค่อนข้างดีอยู่แล้วเนื่องจากคนมักจะมองว่าคนไทยนิสัยดีและเป็นมิตร เพราะฉะนั้นก็ควรใช้จุดแข็งตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ด้วย

คิดจะกลับมาเมืองไทยไหม

พี่แดนนี่บอกว่าคนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ น้อยคนมากที่จะบอกว่าชอบต่างประเทศมากจนอยากรีไทร์ที่นั่น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาที่เหมาะสม แต่สุดท้ายแล้วหลายคนก็ยังอยากกลับเมืองไทย

ส่วนตัวพี่แดนนี่มองว่าปัจจัยที่จะดึงดูดคนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศหรือแม้กระทั่งคนต่างชาติให้มาทำงานที่ไทยคือโอกาสในการเติบโต เพราะคงไม่มีใครอยากทำงานที่มองไม่เห็นทางไปต่อ ถ้าหากถามต่อว่าโอกาสในการเติบโตคืออะไร? คำตอบก็ไม่ต่างจากเวลาที่เราหางานปกติเท่าไรนัก คือเราจะเติบโตในแง่ตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ไหม? หน้าที่ความรับผิดชอบจะมากขึ้นไหม? รายได้จะเพิ่มขึ้นไหม? ขอบเขตการทำงานกว้างขึ้นไหม? ซึ่งจุดหนึ่งที่หลายบริษัทยังมีปัญหาอยู่คือมีกำแพงเรื่องความอาวุโสมาขวางกั้นทำให้ไม่สามารถเติบโตได้เร็วเท่าที่ควร

เรามีทั้งผู้คนที่เป็นมิตร อาหารอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวก็เยอะ เมืองไทยจึงขึ้นชื่อว่าเป็นเมือง ‘น่าอยู่’ สำหรับหลายๆ คนอยู่แล้ว พี่แดนนี่เชื่อว่าถ้าเพิ่มโอกาสในการเติบโตในหน้าที่การงานได้ เมืองไทยก็จะเป็นประเทศที่น่าดึงดูดสำหรับคนทำงานหลายคน

คว้าทุกโอกาสในการเรียนรู้

สำหรับพี่แดนนี่ กุญแจสำคัญของคนที่จะไปได้ไกลกว่าคือคนที่คว้าทุกโอกาสในการเรียนรู้ที่เข้ามา ย้อนกลับไปเมื่อปี 2000 ถ้าเขาไม่กล้าถาม Senior Trader ว่า Fixed Income คืออะไร ถ้าเขาไม่กล้านำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้กับการทำงานจนมีคนเห็นศักยภาพ แล้วต่อยอดมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน เขาก็คงไม่ได้ยืนอยู่บนจุดนี้

จากประสบการณ์ได้พบปะกับคนมากหน้าหลายตา สิ่งที่พี่แดนนี่ค้นพบคือปัจจัยที่จะทำให้คนๆ หนึ่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของตัวเองและไปไกลได้กว่าคนอื่นไม่ใช่ความฉลาดหรือสติปัญญา แต่คือทัศนคติที่พร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights