ชาญฉลาด กาญจนวงศ์: ชายหัวขบถเจ้าของแบรนด์เครื่องเขียนรักษ์โลก Grey Ray

Home » Career Fact » Interview » ชาญฉลาด กาญจนวงศ์: ชายหัวขบถเจ้าของแบรนด์เครื่องเขียนรักษ์โลก Grey Ray

คุยกับ คุณเบิร์น-ชาญฉลาด กาญจนวงศ์ ชายหัวขบถเจ้าของแบรนด์เครื่องเขียนรักษ์โลกที่ฝันอยากให้ Grey Ray เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย เส้นทางการสร้างแบรนด์ที่ไม่เป็นไปตามขนบของเขาจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่นี่

ไม่ยอมโดนตีกรอบ

คุณเบิร์นเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ เขาเป็นคนไม่ชอบเรียนหนังสือหรือการเรียนในห้องสักเท่าไร เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่สนุก แต่ถ้าหากพูดถึงความฝัน เขาก็เป็นคนที่มีฝันชัดเจนมาตลอด นั่นคือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรให้ได้เพราะเขาชอบวาดรูปมาก 

ข้อดีของการเป็นคนไม่ยึดติดกับวิธีการเรียนแบบเดิมๆ แบบเขาคือ เมื่อถึงวัยที่ต้องพยายามสอบให้ติด เขาก็จะมีวิธีเรียนรู้อะไรในแบบของเขาเองจนสามารถสอบติดคณะ มัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรได้ 

พอโตขึ้นก็กลายเป็นว่ามีมุมมองการคิดที่แตกต่างจากคนอื่นเพราะไม่ถูกตีกรอบโดยการศึกษาแบบไทยๆ แต่นั่นก็ส่งผลให้เขาเกือบเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเช่นกันเพราะสไตล์การออกแบบของเขาที่เน้นความมินิมอลนั้นไม่ตรงกับสไตล์ของอาจารย์ แต่พอได้ลองทำงานก็ทำให้เขาเข้าใจว่าอาจารย์ก็เหมือนลูกค้าคนหนึ่ง ถ้าอยากให้เขาซื้อก็ต้องทำแบบที่เขาชอบ อาจจะใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปบ้าง แต่ไม่ต้องใส่ทั้งหมด

เปิดโรงเรียนสอนศิลปะตั้งแต่อายุ25

จริงๆ แล้วคุณเบิร์นรับสอนรับติวให้รุ่นน้องมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย และระหว่างสอนก็ได้นำเทคนิคลัดของตัวเองมาสอนด้วยจนพบว่าการที่คนเราจะวาดเก่งขึ้นได้ไม่ได้เกิดจากการวาดซ้ำๆ เพียงอย่างเดียวแต่เกิดจากการพูดคุยวิพากย์วิจารณ์เพื่อให้คนวาดรู้จุดผิดและนำไปพัฒนา ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็นำจุดนี้ไปใช้ร่างหลักสูตรที่โรงเรียนของตัวเอง

ปัจจุบันโรงเรียนศิลปะ artHOUSE ของคุณเบิร์นรับสอนทุกคนตั้งแต่นักเรียนธรรมดาไปจนถึงเด็กพิเศษที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

จุดเริ่มต้น Grey Ray

พอโรงเรียนเริ่มไปได้ดี คุณเบิร์นก็มีความคิดอยากขยายธุรกิจ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือของคุณโชคชัย บูลกุล ที่นำฟาร์มมาทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและออกโปรดักต์ภายใต้ชื่อฟาร์มโชคชัย คีย์เวิร์ดหนึ่งที่เขาจำได้แม่นคือ เราสามารถขยายธุรกิจจากภายในได้โดยไม่จำเป็นต้องออกไปขยายสาขา นั่นทำให้เขากลับมาทบทวนตัวเองว่าตัวตนของ artHOUSE คืออะไร แล้วก็พบว่าอยู่ที่เครื่องเขียนโดยตั้งเป้าตั้งแต่วันแรกว่าจะไม่ขายแค่คนในประเทศแต่ต้องไปถึงระดับโลก 

ย้อนไปเมื่อสิบปีที่แล้วตอนเริ่มทำวันแรกก็พบว่าไม่มีตลาดเครื่องเขียนในประเทศไทยเลย มีแต่แบรนด์ญี่ปุ่นเกาหลี แต่ในเมื่อไม่มีเขาก็ต้องสร้างขึ้นมาเอง คำถามต่อมาคือเครื่องเขียนเองก็มีหลายรูปแบบ เครื่องเขียนสำนักงานก็แบบหนึ่ง แบบดีไซน์น่ารักๆ ก็แบบหนึ่ง แล้วต้องเป็นแบบไหนถึงจะเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเขียนที่มาจากประเทศไทย? เขาเลยเริ่มจากตีความวัฒนธรรมการใช้เครื่องเขียนแบบไทยๆ เช่น การเหลาดินสอ EE ให้ไส้ออกมายาวเพราะเชื่อว่าจะทำให้วาดสวยขึ้น เขาจึงทำปลอกดินสอ EE ขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้ไส้หัก แต่ความแตกต่างคือเขาทำปลอกมายาวเพียง 3.8 เซนติเมตรเพราะรีเสิร์ชมาแล้วว่าความยาวเฉลี่ยเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องยาวเป็น 5 เซนฯ แบบที่ชอบเหลากันจนเปลืองไส้ไปเปล่าๆ 

ทำไมต้องชื่อ Grey Ray

แรกเริ่มคุณเบิร์นแค่ต้องการชื่อที่ดูไม่ใช่ “คนดี” เหมือนที่แบรนด์ทั่วไปชอบตั้ง จนสุดท้ายมาจบที่ Grey Ray ที่พ้องเสียงกับ “เกเร” ในภาษาไทย คุณเบิร์นมองว่าสีเทา (Grey) คือสีที่กลางๆ ไม่ได้ดีแบบสีขาว แต่ก็ไม่ได้เลวแบบสีดำ และคนที่ไม่ได้ทำตามขนบของสังคมมักจะถูกเรียกว่าเด็กเกเร แต่ก็คนเหล่านี้อีกนั่นแหละที่กล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงเพราะพวกเขามีวิธีคิดที่ต่างออกไป

จุดเด่นของสมุด Grey Ray คืออะไร?

ปกติแล้วแพลนเนอร์จะมีวันที่และปีกำหนดมาให้เลย แต่แพลนเนอร์ของ Grey Ray จะมาในรูปแบบของสติ๊กเกอร์หลายแบบไม่ว่าจะเป็น To Do List ในแต่ละวัน เป้าหมายประจำเดือน หรือแม้กระทั่งตารางรายรับรายจ่ายให้เลือกแปะได้ตามฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต้องการและสามารถลอกออกเพื่อยืดอายุการใช้งานของสมุด นอกจากนี้ตัววัสดุที่นำมาผลิตก็มีคุณภาพมาก การันตีว่าหมึกไม่ซึม รวมถึงถ้าเป็นสมุดมีเส้นก็จะออกแบบให้สามารถนนำไปสแกนแล้วเส้นหายได้อีกด้วย

ทำไมเลือกทำเครื่องเขียนในวันที่กำลังก้าวสู่ยุคดิจิทัล

คุณเบิร์นพูดถึงทฤษฎีไม้กระดกเวลาคนหันไปใช้ของฝั่งหนึ่งมากๆ ไม้ฝั่งนั้นก็จะตกลงไป ส่วนอีกฝั่งจะกระดกขึ้น หมายความว่าของที่อยู่บนฝั่งที่กระดกจะกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากขึ้น การเข้ามาของดิจิทัลไม่ได้แปลว่าจะทำให้ทุกอย่างที่เป็นอนาลอกหายไป เราอยู่ในยุคที่สตรีมมิ่งกันเป็นปกติ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เก็บสะสมหรือฟังเพลงจากแผ่นเสียง เราแค่ต้องหาจุดที่บาลานซ์ระหว่างสองยุค

นักออกแบบที่ดีเป็นยังไง

คุณเบิร์นมองว่าไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรถ้าอยากทำผลงานให้ออกมาดีก็ควรจะเริ่มจากการมีพื้นฐานจิตใจที่ดีก่อน เพราะเราจะทำงานโดยหวังให้ผู้รับได้ประโยชน์จากงานของเรามากที่สุด คุณเบิร์นเล่าว่าตอนตั้งบริษัทเขามี 3 ปณิธานหลักๆ คือ

1) ผลงานออกแบบส่งผลกระทบในทางลบกับคนหรือสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า แล้วพยายามทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด

2) อยากสร้างวัฒนธรรมการใช้เครื่องเขียนในเมืองไทย

3) อยากเป็นแบรนด์ที่คนไทยภูมิใจ จาก 3 ข้อนี้ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะออกแบบและผลิตสินค้าให้ออกมาดีที่สุด

ความท้าทายของการทำผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ความท้าทายแรกคือการหาวัสดุที่เป็นมิตร เขาใช้เวลา 2 ปีกว่าเขาจะหาวัสดุจากธรรมชาติมาทดแทน PVC ในยางลบได้ ความท้าทายที่สองคือการพูดคุยกับโรงงานผลิต การผลิตดินสอให้ไส้สั้นกว่าปกติ (เพราะน้อยคนจะใช้ดินสอจนหมดแท่ง) อาจจะฟังดูไม่ยาก แต่ในมุมของผู้ผลิตคือการต้องปรับระบบใหม่เพื่อผลิตให้เจ้าเดียว คุณเบิร์นจึงต้องศึกษาขั้นตอนการผลิตดินสอทั่วไปให้เข้าใจก่อนจะไปเจรจากับเจ้าของโรงงานอีกทีว่าสามารถปรับตรงไหนได้บ้าง แต่ส่วนตัวคุณเบิร์นไม่มีปัญหากับความท้าทายเหล่านี้เพราะเขาอยากทำผลิตภัณฑ์ที่สามารถขายได้ยาวๆ แม้ตอนแรกอาจจะต้องใช้เวลาคิดเวลาทำนานกว่าปกติ

แพลนในอนาคต

ปัจจุบันคุณเบิร์นดูแลทั้งสถาบันสอนการออกแบบ artHOUSE คาเฟ่ Grey Ray และร้านนักเลงแกง ร้านอาหารที่ทำเมนูอาหารไทยแท้ๆ มีประวัติยาวนานและหาทานได้ยาก และมีแผนว่าจะเปิดแบรนด์ไอศกรีมชื่อ Memo เพื่อสื่อถึงความทรงจำวัยเด็ก นอกจากนี้เขายังเป็นที่ปรึกษาด้าน Brand Marketing ในนามบริษัท Salt Peanuts อีกด้วย

ปีใหม่นี้มา ‘ส่งความสำเร็จ’ กับ Cariber กัน! 

ที่ Cariber เราส่งต่อบทเรียน ประสบการณ์ ความสำเร็จจาก ‘ที่สุด’ ของประเทศจากทุกแวดวง

พิเศษ! สำหรับผู้ที่สมัครแพ็กเกจรายปีตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พ.ย. 64 นี้ เรามี LIFE PLAN SET เครื่องเขียน Eco-friendly จาก GREY RAY มูลค่า 1,210.- ไปเป็นเพื่อนร่วมทางการเรียนรู้ของคุณด้วย สินค้ามีจำนวนจำกัด!

เมื่อความสำเร็จส่งต่อได้ อยากส่งต่อให้ตัวเอง หรือใครในปีใหม่นี้ คลิกเลย

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน