Benjamin Netanyahu: ผู้นำที่พาอิสราเอลรอดพ้นจาก Covid-19 ได้เป็นชาติแรก

“อิสราเอลคือชาติแรกในโลกที่รอดพ้นจากโควิด” – เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวกับผู้สื่อข่าวของ Fox News

ความสำเร็จในครั้งนี้ของอิสราเอลต้องยกความดีความชอบให้กับแคมเปญการจัดหาวัคซีนที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุดชาติหนึ่งของโลก ข้อมูลเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบสองโดสแล้วถึง 53% จากประชากรทั้งประเทศ 9.3 ล้านคน

โครงการฉีดวัคซีนที่รวดเร็ว ทำให้อิสราเอลเริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ และรัฐบาลได้อนุมัติระบบ ‘Green Pass’ หรือ ‘ตราเขียว’ ทำหน้าที่เป็นวัคซีนพาสปอร์ตภายในประเทศ รับรองว่าบุคคลนั้นได้ฉีดวัคซีนครบถ้วน หรือมีภูมิคุ้มกันแล้วและสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ไม่ว่าจะไปทานข้าวที่ร้านอาหาร ดูหนังในโรง หรือเข้าชมงานกีฬา

เบนจามิน เนทันยาฮู รับมือกับวิกฤตในฐานะนายกรัฐมนตรีอย่างไรจนทำให้อิสราเอลได้รับสมญานามว่า ‘ชาติแห่งการฉีดวัคซีน’

ทำให้เหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัว

วิธีการรับมือกับวิกฤตโรคระบาดของนายกรัฐมนตรีอิสราเอลคือการทำให้มันเป็นเรื่องใกล้ตัวทั้งกับตัวเองและประชาชน ไม่มีการปล่อยปละละเลยหรือคาดการณ์เอาเองว่าสามารถรับมือได้โดยไม่เตรียมมาตราการป้องกัน

ช่วงที่โรคระบาดแรกๆ เขาปรากฏตัวในโทรทัศน์แทบทุกคืนเพื่อบอกความคืบหน้าให้กับมวลชนในประเทศ ความพยายามในการเจรจากับบริษัทยาเพื่อให้ได้มาซึ่งวัคซีนของเขานั้นพูดได้ว่าเข้าขั้นหมกมุ่น และเมื่อได้รับวัคซีนโดสแรกจากบริษัท ไฟเซอร์ อิงค์ และ ไบโอเอนเทค เอสอี เขาก็อาสาฉีดวัคซีนเป็นคนแรกของประเทศทันทีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

อัลเบิร์ต เบอร์ลา CEO แห่งไฟเซอร์ได้กล่าวชื่นชมความพยายามในการถือครองวัคซีนของ เบนจามิน เนทันยาฮู และเผยว่า “เขาโทรมาหาผม 30 ครั้ง”

ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้วัคซีนมา

จุดเริ่มต้นแคมเปญฉีดวัคซีนของอิสราเอลมีที่มาจากความมุมานะของฝั่งรัฐบาลที่พยายามจัดหาวรรคซีนให้เพียงพอต่อความต้องการและคอยดูแลให้มีการกระจายอย่างทั่วถึง รัฐบาลได้เซ็นสัญญากับไฟเซอร์และโมเดอร์นาให้ได้มาซึ่งวัคซีนจำนวนมากพอจะเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับประชากร 75% ของประเทศ โดยแลกกับราคา 30 เหรียญสหรัฐต่อโดส ที่สูงกว่าดีลทั่วไปที่ทางบริษัทยาทำกับประเทศอื่น นอกจากนี้ยังทำข้อตกลงกับไฟเซอร์ว่าจะเป็นชาติที่ช่วยนำร่องการวิจัยวัคซีน โดยส่งข้อมูลอายุ เพศ และประวัติการรักษาของผู้ที่ได้รับวัคซีน รวมถึงผลกระทบและประสิทธิภาพของวัคซีนให้กับองค์การอนามัยโลก ซึ่งถึงแม้ทางรัฐบาลจะกล่าวอ้างว่าจะไม่มีการเปิดเผยตัวตนของผู้ได้รับวัคซีน ก็ยังคงมีการตั้งคำถามถึงประเด็นเรื่องการรุกล้ำข้อมูลส่วนตัวและความโปร่งใสของกระบวนการอยู่

ความพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนในประเทศได้ฉีดวัคซีนของ เบนจามิน เนทันยาฮู คือส่วนหนึ่งของแคมเปญ ‘Bring to Life’ หรือการทำให้อิสราเอลกลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้งท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด

“หลายปีที่ผ่านมา แคมเปญเลือกตั้งของเบนจามินนั้นอาศัยความกลัวมาตลอด เช่นว่าถ้าเขาไม่อยู่ดูแลอิสราเอล ชาวอิหร่านจะเริ่มพัฒนาระเบิด กลุ่มฮามาส (กลุ่มก่อการร้ายต่อต้านอิสราเอล) จะแข็งแกร่งขึ้น กลุ่มเฮซบอลเลาะห์ (กลุ่มติดอาวุธจากเลบานอน) จะเข้าโจมตี” อาวีฟ บูชินสกี นักข่าวชาวอิสราเอลกล่าว “นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้ใช้แคมเปญแห่งความกลัว แต่เป็นแคมเปญแห่งความหวัง”

อ้างอิง

https://cnn.it/33ftwJd

https://bbc.in/3thVBtN

https://bit.ly/3nMXj5v

https://bit.ly/3eWGKjh

https://bit.ly/3nLJxA7

https://bit.ly/3tiKCQX

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights