พูดคุยกับ ‘โบว์’ อรอุษา จันทนพงศ์วานิช จากนิสิตแพทย์ จุฬาฯ สู่เส้นทางสายการเงิน เธอคือหญิงสาวที่ชอบการเรียนรู้เป็นชีวิตจิตใจ และเชื่อว่าการให้โอกาสตัวเองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อสำรวจความชอบของตัวเองนั้นดีกว่าการติดอยู่กับสิ่งที่ไม่ได้ชอบไปตลอดชีวิต
จากแพทย์สู่นักการเงิน
ช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย โบว์เลือกสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากเธอยังมีความชอบอีกอย่างคือเศรษฐศาสตร์และการลงทุน เธอจึงพยายามอ่านหนังสือด้านนี้เมื่อมีเวลาว่างในช่วงชั้นปีแรกๆ ที่การเรียนยังไม่หนักมาก และเข้าร่วมโครงการอบรมเรื่องการลงทุนสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยที่จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเรียนจบแล้วมาทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุน เธอก็ยังคงแบ่งเวลาไปเรียนปริญญาโทสาขาการเงินที่จุฬาฯ
ตอนแรกโบว์วางแผนไว้ว่าจะเรียนต่อเฉพาะทางด้านโรคหัวใจ แต่เพราะการเรียนเฉพาะทางด้านนี้ต้องใช้เวลานานถึง 5 ปี ประกอบกับระหว่างเรียนปริญญาโทเธอได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ส่วนใหญ่ทำอาชีพสายการเงินทำให้เธอเริ่มสนใจงานสายนี้มากขึ้น หลังใช้ทุนและเรียนปริญญาโทจบโบว์จึงตัดสินใจว่าจะลองสมัครงาน Equity Research ในเมืองไทยดูก่อน แต่แน่นอนว่าพอจบมาไม่ตรงสายการหางานก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอสมัครไปกี่ที่ก็ไม่มีที่ไหนเรียกเธอสัมภาษณ์สักทีเธอจึงสมัครเรียนต่อ MBA ที่ต่างประเทศไปด้วยระหว่างที่กำลังหางานอยู่ จนกระทั่งมีบริษัทหนึ่งตอบรับเธอเข้าทำงาน แต่หลังจากทำได้เพียง 6 เดือนก็รู้ผลว่ามหาวิทยาลัย Harvard ตอบรับเธอเข้าเรียน โชคดีที่หัวหน้าของเธอเข้าใจว่าโอกาสการเรียนต่อครั้งนี้เป็นโอกาสที่สำคัญ สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจมาเรียนต่อที่อเมริกา
เนื่องจากตอนอยู่เมืองไทยเธอได้ทำตำแหน่ง Equity Research ได้ไม่นานนักเมื่อถึงช่วงฝึกงานเธอจึงเลือกฝึกตำแหน่งเดียวกันอีกที่ Credit Suisse สาขาในฮ่องกง ก่อนมาเรียนเธอตั้งใจว่าอาจจะทำงานในแถบเอเชียเพราะอยู่ใกล้บ้าน แต่เมื่อได้มาเรียนราว 1 ปีเธอก็พบว่าอุตสาหกรรม Biotech และ Health Care ในอเมริกานั้นทั้งกว้างและลึก เธอจึงรู้สึกว่าถ้าได้ทำงานต่อที่อเมริกาน่าจะได้เรียนรู้อะไรมากกว่า ด้วยเหตุนี้เธอจึงยอมตัดใจไม่รับข้อเสนองานประจำจาก Credit Suisse แล้วไปตายเอาดาบหน้าที่อเมริกาแทน เธอส่งเรซูเม่ไปหลายที่ แต่สุดท้ายเธอก็ได้ Offer แรกและ Offer เดียวที่ Barclays โดยมีหน้าที่วิเคราะห์หุ้นในอุตสาหกรรมการแพทย์ ปัจจุบันเธอทำตำแหน่ง Equity Analyst ที่ Jennison Associates
ความกล้าทั้งหมดนี้มาจากอะไร?
ทั้งการเปลี่ยนสายงานจากคนละฟากฝั่ง ทั้งการยอมสละข้อเสนองานประจำเพื่อได้ทำงานที่ตัวเองต้องการจริง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความกล้าในการตัดสินใจไม่น้อย แล้วอะไรคือแรงผลักดันเบื้องหลังการตัดสินใจเหล่านี้ของเธอ?
คำตอบของโบว์ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปกว่า ‘Curiosity’ หรือความอยากรู้อยากเห็น เธอเป็นคนชอบเรียนรู้มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือภาษา เธอก็ให้ความสนใจทั้งหมด เพราะเธอรู้สึกว่าการได้รู้อะไรกว้างๆ ได้ทำความเข้าใจโลกไปทีละนิดเป็นเรื่องสนุก นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจไม่เรียนต่อแพทย์เฉพาะทางทันที เพราะถ้าเริ่มเรียนเฉพาะทางแล้วลักษณะความรู้ก็จะเป็นไปในทางที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ กลับกัน ถ้าเป็นสายการเงิน ยิ่งทำงานนานเท่าไรก็ต้องรู้จักมองภาพกว้าง รู้จักการเชื่อมโยงความรู้จากหลายศาสตร์ให้เก่งขึ้น สายการเงินจึงตอบโจทย์นิสัยส่วนตัวของเธอมากกว่า
อย่างงานที่เธอทำอยู่ในปัจจุบันจะมีมุมหนึ่งของงานที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยทุกวัน เพราะเธอต้องทำทั้งค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวเองและติดต่อสอบถามผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในด้านนั้นๆ อยู่ตลอด งานของโบว์คือการเป็นนักลงทุนที่คอยเลือกหุ้นและบริษัททางการแพทย์เข้ากองทุน โดยแต่ละโปรเจกต์ก็จะมีความหลากหลาย โปรเจกต์นี้เธออาจจะต้องคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอัลไซเมอร์ โปรเจคต่อไปเธออาจจะต้องคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการตัดต่อพันธุกรรม ซึ่งเป็นโอกาสที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ
“โบว์เชื่อว่าเราควรมีอิสระในการสำรวจความรู้หลายๆ ด้านในงานที่ทำ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ได้สั่งสม ‘จุด’ ที่จะนำมาเชื่อมต่อกันในอนาคตมากพอ (connecting the dots)”
การข้ามสายเป็นเรื่องยากไหม?
ถึงแม้ในสายตาคนนอกแพทย์และการเงินจะเป็นสายงานที่ไม่ได้ใกล้เคียงกันเท่าไร แต่โบว์ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เพราะทั้งสองสายต่างก็มีทักษะพื้นฐานที่ร่วมกันที่นำไปประยุกต์ใช้ได้ เช่น การใช้ตรรกะวิเคราะห์ การใช้จิตวิทยาทำความเข้าใจ และการเปิดใจรับฟังความเป็นไปได้อื่นๆ ไม่ยึดติดกับมุมมองของตัวเองเพียงอย่างเดียว
อย่างตอนที่ทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุน ตอนแรกเธอลังเลว่าจะทำที่โรงพยาบาลกองทัพอากาศดีไหม เนื่องจากเคยมีมายด์เซ็ทว่าวัฒนธรรมการทำงานของทหารน่าจะมีการใช้กฎข้อบังคับเยอะและไม่มีอิสระเท่าไร แต่พอได้เข้าไปทำงานจริงๆ กลายเป็นว่าที่นี่มีวัฒนธรรมองค์กรที่เธอประทับใจมากที่สุดที่หนึ่ง เพราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอิสระในการกำหนดวิธีการที่จะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
อยากกลับเมืองไทยไหม?
การกลับมาพัฒนาวงการ Health Care ในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทยให้ทัดเทียมตะวันตกคือหนึ่งในเป้าหมายชีวิตของโบว์ แต่ในเมืองไทยก็ยังมีอุปสรรคหลายอย่างกว่าจะไปถึงจุดนั้น ยกตัวอย่างเช่น ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็มีการทำวิจัยวัคซีนชนิด mRNA แต่โครงการนี้น่าจะพัฒนาได้เร็วขึ้นถ้ามีทุนจากรัฐบาล และมี Ecosystem มารองรับในการระดมทุนและการขยายสเกลการผลิตแบบประเทศทางตะวันตก
โบว์คิดว่าจุดเด่นของเมืองไทยคือมีบริการทางการแพทย์ที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นปลายน้ำของอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ได้ยาก ถ้าประเทศไทยมีโอกาสพัฒนาขึ้นไปทางต้นน้ำของอุตสาหกรรมการแพทย์ด้วยในเรื่องการค้นคว้าวิจัย breakthrough treatment ใหม่ๆ ไม่ใช่เป็นผู้ใช้อย่างเดียว ประเทศไทยจะมีความพิเศษมากกว่าแทบทุกประเทศในเอเชีย เป็นศักยภาพของประเทศไทยที่น่าพัฒนาที่สุดอย่างหนึ่ง
เคยเสียดายเวลาช่วงที่เรียนหมอไหม?
โบว์ไม่เคยเสียดายช่วงเวลาที่ได้เรียนและทำงานเป็นหมอ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขและสนุกกับสิ่งที่ทำ นอกจากนี้เธอยังเชื่อว่าต่อให้ไม่ได้ทำงานตรงกับสิ่งที่เรียน อย่างไรสักวันหนึ่งเราก็จะได้ใช้ความรู้และทักษะที่ได้มาอยู่ดี อย่างในปัจจุบันถึงเธอจะทำงานด้านการลงทุน แต่สิ่งที่เธอลงทุนนั้นอยู่ในวงการการแพทย์ ทำให้การเรียนแพทย์ของเธอกลายเป็นข้อได้เปรียบเสียด้วยซ้ำ
สำหรับใครที่กำลังอยากเปลี่ยนสายงานแต่กลัวการต้องมาเริ่มต้นใหม่ สิ่งที่โบว์อยากให้ลองทำคือลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าต้องทำงานนั้นไปอีกยี่สิบสามสิบปีจะยังสนุกอยู่ไหม? เพราะเธอมองว่าการให้โอกาสตัวเองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อสำรวจความชอบของตัวเองนั้นดีกว่าการติดอยู่กับสิ่งที่ไม่ได้ชอบมากๆไปตลอดชีวิต
โบว์คิดว่าจินตนาการและความรู้รอบตัวเป็นทักษะสำคัญสำหรับการตัดสินใจด้านอาชีพ ยิ่งเราจินตนาการว่าศักยภาพของเราสามารถต่อยอดไปทำอะไรได้บ้างในอนาคต เราก็จะยิ่งรู้สึกว่าค่าเสียเวลาและเสียโอกาสนั้นน้อยลง การที่เราจะสามารถจินตนาการภาพอนาคตของตัวเองได้กว้างขึ้นก็มาจากการขวนขวายหาความรู้ การพูดคุยกับคนหลากหลายอาชีพ เพราะถ้าเราไม่มีความรู้รอบตัวแนวกว้างเป็นพื้นฐาน เราก็คงจะจินตนาการภาพตัวเองนอกเหนือจากกรอบที่สังคมกำหนดไม่ออก
แน่นอนว่าการตัดสินใจไม่เรียนต่อหมอของเธอย่อมมีแรงเสียดทานจากคนรอบข้าง ซึ่งเธอก็รับฟังทุกข้อกังวลที่คนอื่นทักท้วง แต่เธอมองว่าสุดท้ายแล้วการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับเธออยู่ดี และเธอก็อยากเลือกทางที่ตัวเองจะมีความสุขและเสียใจน้อยที่สุดเมื่อมองย้อนกลับมาในอีกหลายสิบปีข้างหน้า
มองหา True North ของตัวเอง
‘True North’ หรือทิศเหนือจริงในที่นี้คือ passion หรือสนุกกับงานเป็นทั้งหลักยึดเหนี่ยวและแรงผลักดันในยามที่เรารู้สึกท้อ และช่วยให้เราทำงานได้โดดเด่นและสนุกไปในตัว เพราะเส้นทางของโบว์เองก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ช่วงหางานที่อเมริกาหลังจบ MBA ใหม่ๆ เธอต้องอยู่กับความไม่แน่นอนว่าจะตกงานหรือเปล่าเพราะสายงานที่เลือกที่นิวยอร์กแทบไม่รับคนต่างชาติ แต่สิ่งที่ทำให้เธอผ่านช่วงเวลานั้นมาได้และผลักให้เธอเดินหน้าสมัครงานต่อไปทุกวัน คือแพชชันในการอยากทำสายงานนี้ ถ้าเธอไม่ได้มีแพชชันหรือสนุกกับงานมากพอ บางทีเธออาจจะล้มเลิกระหว่างทางไปแล้วก็ได้
โบว์คิดว่าความสนุกกับงานและความอยากเรียนรู้ตลอดเวลาทำให้เธอทำงานได้ดีและไม่เครียดจนเกินไป จนปัจจุบันเธอเป็น Managing Director ที่มีอายุการทำงานน้อยที่สุดในกองทุนที่นิวยอร์กที่ทำงานอยู่ และเป็นหนึ่งในคนต่างชาติเพียงไม่กี่คนที่ได้ตำแหน่งนี้
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อพูดถึง Personal…