วันนี้ Career Fact จะพาไปพูดคุยกับ ‘คุณบี’ บัญชา นิมิตรวานิช และ ‘คุณออม’ ธัชวัชร์ เล่าลือเกียรติ สองคู่หูเจ้าของเพจ ‘คอนโดติดดอย’ ที่จะมาเล่าถึงการทำเพจเรื่องเล่าซื้อขายและลงทุนคอนโดฯ สุดปังที่มียอดผู้ติดตามเกือบ 3 แสนคน
ที่มาที่ไปของทั้งคู่ก่อนจะจับมือกันสร้างเพจเล่าเรื่องคอนโดฯ เป็นอย่างไร?
ทำไมต้องลงทุนในคอนโดฯ? แล้วอะไรคือสเน่ห์ของอสังหาฯ? ติดตามได้ที่นี่
รู้จักคุณบีและคุณออม
คุณบีและคุณออมเป็นเพื่อนสนิทกันและเรียนอยู่ห้องเดียวกันมาตลอดตั้งแต่ชั้น ป.1 จนจบมัธยมที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล เส้นทางหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ต่างแยกย้ายกันไปมีชีวิตคนละด้านแต่ทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันตามประสาเพื่อนสนิท
คุณบีเล่าว่าหลังเรียนจบปริญญาโท MBA ที่นิด้าแล้วเขาเข้าทำงานในสายการเงินเป็นนักวิเคราะห์หุ้นอยู่ช่วงสั้นๆ แต่ด้วยใจที่ไม่ได้รักและชอบ จึงทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปทำงานกับธนาคารเกียรตินาคินในฝ่ายที่ดูแลเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่คุณออมยังไม่รู้ว่าตัวเองชื่นชอบอะไร รู้เพียงแค่ว่าชอบการเล่นเกมจึงเข้าสู่เส้นทางสายธุรกิจด้วยการเปิดร้านเกมของตัวเองหลายสาขา ซึ่งเขาบอกว่ารายได้ในช่วงนั้นก็ดีเลยทีเดียว
แม้ว่าทั้งคุณบีและคุณออมจะเดินทางบนสายงานที่ต่างกัน แต่สิ่งที่ไม่แตกต่างกันเลยคือการอยู่ใกล้ชิดกับการลงทุน แน่นอนว่าคุณบีในฐานะที่ทำงานเกี่ยวข้องและดูแลลูกค้าอสังหาฯ ก็เริ่มให้ความสนใจการลงทุนมากขึ้น ส่วนคุณออมก็เล่าว่าเขามีคุณแม่ที่คอยปลูกฝังเรื่องซื้อขายที่ดินมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ความสนใจของทั้งคู่เริ่มผสานกลับเข้าสู่เส้นทางเดียวกันอีกครั้ง
จุดเริ่มต้นคอนโดติดดอย
เมื่อคุณบีได้ทำงานฝ่ายปล่อยสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ เขาได้พูดคุยเดเวลอปเปอร์หลายรายและดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนจบโปรเจกต์ทำให้ได้เจอกับคอนโดฯ แห่งแรกที่เขาตั้งใจจะลงทุน คุณบีจึงตัดสินใจหุ้นกับน้องสาว แม้ในตอนแรกคุณบีตั้งใจไว้ว่าจะชวนคุณออมมาหุ้นด้วย ซึ่งนั่นเป็นเหมือนสิ่งติดค้างในใจของทั้งคู่ว่าสักวันเขาต้องได้เป็นหุ้นส่วนกัน จนท้ายที่สุดทั้งคุณบีและคุณออมก็ได้เป็นหุ้นส่วนกันในโปรเจกต์ต่อมากับคอนโดฯ ย่านอโศก ทั้งคู่เล่าว่าในวงการลงทุนคอนโดฯ มีคำศัพท์เรียกกันว่า ‘เล่นสั้น’ คล้ายกับภาษาหุ้นที่ซื้อใบจองมาแล้วขายต่อทำกำไร “ได้ห้องตอนเช้า สายๆ ก็ขายได้เลย” คุณออมเสริม ซึ่งผลจากการลงทุนครั้งนั้นคุณบีและคุณออมทำกำไรได้หลักแสนจากราคาจองในหลักหมื่นเท่านั้น
“พอเราหุ้นกัน เพื่อนๆ พี่น้อง ก็สนใจ เราเลยทำหน้าที่อธิบายให้พวกเขาฟัง” คุณบีกล่าว
ทั้งสองคนบอกว่าพอเล่าให้คนรอบข้างฟังไปเรื่อยๆ ทุกคนก็เริ่มบอกว่าฟังแล้วสนุก จึงแนะนำให้ลองเปิดเพจดูเพื่อเล่าให้คนอื่นๆ ได้รับความรู้ด้วย และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณบีและคุณออมตั้งเพจขึ้นมาอย่างง่ายๆ โดยตกลงกันตอนแรกว่าคุณบีจะเป็นคนเขียนรีวิว ส่วนคุณออมรับหน้าที่ตอบคอมเมนท์และอินบ็อกซ์
เมื่อเราถามว่าทำไมต้องชื่อว่า “คอนโดติดดอย” คุณบีตอบว่าเขาคิดแบบเร็วๆ โดยตั้งใจใช้คำแบบประชดประชันนิดๆ “มีคนโทรหาเต็มเลยว่าฟังดูไม่ค่อยดีหรือเปล่า แต่เราอยากลองใช้ไปดูสักพัก” เขาเสริม ซึ่งความตั้งใจของคุณบีและคุณออมคือต้องการให้ชื่อดูคล้ายกับว่าไม่สำเร็จ แต่คอนเซ็ปต์ลึกๆ คือการเล่าถึงความผิดพลาดเพื่อให้คนที่ติดตามจะได้ไม่ทำผิดพลาดซ้ำ
“เวลาเราเล่าให้คนอื่นฟัง ถ้าเล่าเรื่องที่สำเร็จมันก็สวยงามดี แต่ถ้าเล่าว่ามันเคยผิดพลาดยังไง มันยังไม่ค่อยมีคนทำ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของเพจขึ้นมา” คุณบีกล่าว
เล่าและแบ่งปันเรื่องราวการลงทุน
อีกเหตุผลหลักที่เขาทั้งสองตั้งใจสร้างเพจคอนโดติดดอยขึ้นมา คือทั้งคู่ได้คุยกับหลายๆ คน และบางคนก็เข้าใจผิดเกี่ยวกับการลงทุนในคอนโด เช่น คิดว่าซื้อมาขายไป เล่นสั้นสามารถทำกำไรได้ง่าย ซึ่งคุณออมเสริมว่าหากวางแผนแบบนั้นจะทำให้เงินลงทุนกลายเป็นเงินร้อนทันที เมื่อขายไม่ออกก็ต้องลดราคาก็ยิ่งทำให้ราคาทั้งตลาดร่วงกันหมด เขาจึงแนะนำว่าให้วางเป้าการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าไว้ก่อน เพราะจะเป็นการมองหาทางออกตั้งแต่แรก หากขายได้ระหว่างนั้นก็ถือเป็นกำไร พวกเขาจึงต้องการสร้างความเข้าใจให้กับทุกคนถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้น
คุณบีเล่าให้ฟังว่าเมื่อสร้างเพจขึ้นมาแล้วลักษณะของเพจคือการ ‘เล่าเรื่อง’ ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัวของเขา “ผมไม่ใช่คนชอบเขียนนะ เป็นคนชอบเล่ามากกว่า” คุณบีเสริม และสิ่งที่จุดประกายให้คุณบีลงมือเขียนก็คือหนังสือของ พี่ตุ้ม สรกล อดุลยานนท์ หรือนามปากกา ‘หนุ่มเมืองจันท์’ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้การเขียนของคุณบีมีลักษณะ สั้น อ่านง่าย เข้าใจได้ไม่ยาก “สไตล์ของเราเลยสั้น ถ้าเทียบกับเพจอื่นสมัยนั้น” คุณออมกล่าวเสริม ทั้งคู่รู้สึกว่าไม่ต้องการอ่านอะไรที่มันยาวเกินไป เนื้อหาของเพจคอนโดติดดอยเลยจึงกระชับและตัดเข้าตรงจุดว่าคอนโดนี้ดีหรือไม่ดี ควรลงทุนหรือไม่
สนุกกับสิ่งที่ทำอยู่
จากวันที่ทำเพจขึ้นมาสนุกๆ โดยไม่คิดอะไรมาก แต่ปัจจุบันที่เพจมีผู้ติดตามเกือบ 3 แสนคน คุณบีและคุณออมแบ่งปันแง่มุมของการทำงานให้เราฟังว่า ช่วงเริ่มต้นแม้คุณบีจะเป็นคนที่เขียนเนื้อหาเป็นหลักแต่ทุกวันนี้เขาทั้งคู่ต่างมีส่วนในการเขียนเท่าๆ กัน และทั้งคู่มีทำเลที่ถนัดกันคนละพื้นที่ทั้งในเมืองและฝั่งธนฯ ทำให้สามารถแบ่งเนื้อหากันได้ลงตัว คุณออมบอกว่าสไตล์การเขียนและวิธีการคิดของพวกเขาคล้ายกันมากเพราะสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก จนเมื่อถึงวันที่เพจมีรายได้ทั้งคู่ก็ตกลงกันอย่างชัดเจนว่าส่วนแบ่งเท่ากันเสมอ
ช่วงที่รายได้เข้ามาจากการเขียนรีวิวทำให้ทั้งคู่ตั้งใจทำเพจออกมาให้ดีที่สุด “แม้มันมีจำนวนเงินเข้ามาเกี่ยวแต่แนวทางของเราชัดเจนว่าต้องไม่เขียนโกหกว่าดีเกินจริง เราต้องบาลานซ์ระหว่างลูกค้ากับลูกเพจที่ติดตามเรา” คุณบีแชร์ประสบการณ์การทำเพจที่สร้างรายได้ให้กับเข้าทั้งคู่ แม้ว่าคุณบีมีอาชีพประจำเป็นธุรกิจร้านแอร์ที่ทำต่อจากคุณพ่อคุณแม่ แต่เขาบอกว่าคอนโดฯ เป็นเหมือนชีวิตของเขาและต่อให้มีร้านแอร์เขาก็ยังเทรดคอนโดฯ อยู่ดี การทำเพจคอนโดติดดอยถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับเขาทั้งคู่จึงต้องการทำออกมาให้ดีที่สุด “ผมเชื่อว่าทุกคอนโดฯ มันมีความเหมาะสมสำหรับทุกคน บางทีเรามองว่าไม่ดีมันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีทั้งหมด คนที่ต้องการซื้ออยู่แล้วมันก็มีข้อดีสำหรับเขา” คุณบีกล่าว
“บางทีเราอยากบอกอะไรเราก็ลงไปเลย คนเลยจับต้องตัวตนเราได้” คุณออมอธิบายถึงสิ่งที่ทำให้ตัวตนของเพจคอนโดติดดอยมีความชัดเจนและแตกต่างจากเพจอื่น ทั้งไลฟ์สไตล์ที่เข้าถึงผู้ติดตามในหลายๆ เรื่อง การตอบข้อความแบบให้ความเป็นกันเอง รวมถึงคำแนะนำและให้คำปรึกษาแบบเพื่อน สิ่งเหล่านี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้เพจอยู่ได้มายาวนานมากกว่าที่เขาทั้งสองคิดในวันแรก
“พอถึงจุดหนึ่ง เรารู้สึกว่าเราแค่สนุกที่จะทำมันเฉยๆ ทุกวันนี้เลยไม่ได้ให้ความสำคัญมากว่ามันจะไปได้ไกลแค่ไหน เราแค่สนุกที่จะทำมัน สนุกที่จะถ่ายทอดให้กับแฟนเพจของเราก็เพียงพอแล้ว” คุณออมกล่าว
สเน่ห์ของอสังหาฯ
ทุกวันนี้คนรุ่นใหม่มองเห็นโอกาสในการลงทุนมากขึ้นทั้งหุ้น คริปโตฯ หรือทองคำ คุณบีและคุณออมบอกว่าสเน่ห์ของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อพาร์ตเม้นท์ รวมถึงคอนโดมิเนียมคือการเป็นปัจจัยสี่และทดแทนไม่ได้ ซึ่งหลักสำคัญของการลงทุนก็คือหาอะไรมาทดแทนไม่ได้
คุณบีแนะนำว่าข้อดีของการลงทุนในคอนโดฯ ก็คือการใช้งบลงทุนน้อยกว่าหากเทียบกับอพาร์ตเม้นท์ที่เขามองว่าเป็นการลงทุนแบบ ‘น้ำซึมบ่อทราย’ แน่นอนว่าทั้งสองแบบสามารถสร้าง passive income ให้กับเราได้ แต่การลงทุนคอนโดฯ ในความเห็นของเขาง่ายกว่าทั้งในแง่ของการขอสินเชื่อ การปล่อยเช่า รวมถึงการได้กำไรจากการขายต่อ ขณะที่คุณออมเสริมว่าการลงทุนในคอนโดฯ มีสภาพคล่องที่ดีมากกว่าที่ดินและเหมาะสมกับคนในยุคนี้ นอกจากนี้ตัวเขาหลงใหลนวัตกรรมการพัฒนาคอนโดฯ ในสมัยนี้ รวมทั้งการลงพื้นที่ไปทำความรู้จักคอนโดฯ ในทำเลต่างๆ เพราะทำให้เขาได้ทำความรู้จักผู้คนที่ใช้ชีวิตโดยรอบด้วย
ถ้าอยากเรียนรู้ต้องลงพื้นที่
เมื่อถามถึงสิ่งที่อยากจะฝากสำหรับคนที่อยากลงทุนในคอนโดฯ แล้ว คุณบีและคุณออมบอกว่านอกจากความรู้ที่ต้องเตรียมตัวให้มากที่สุด ซึ่งในยุคนี้ความรู้เป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยากสำหรับคนรุ่นใหม่ คุณบีแนะนำว่าสิ่งแรกที่เขามักจะถามเสมอกับทุกคนที่ต้องการลงทุนคอนโดฯ คือว่า “อยู่เองหรือลงทุน” หากเป็นเรื่องของการเข้าอยู่อาศัยเอง ก็ให้เลือกคอนโดฯ ที่ชอบและถูกใจ เพราะหากเราเห็นข้อดีก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องของการลงทุนเขาแนะนำว่าอย่างน้อยก็ต้องลงไปดูคอนโดฯ จริงๆ ก่อนที่จะตัดสินใจ “อย่าคิดระยะสั้น ให้คิดระยะยาว” เขาเสริม เพราะหากเราสามารถวางแผนระยะยาวได้แล้วจะทำให้เห็นภาพของการบริหารเงินหลังจากนั้น
“ผมชอบสัมภาษณ์พี่ยาม แม่บ้าน แล้วก็พี่วินมอเตอร์ไซค์” คุณออมเล่าเสริมว่าเขาชอบการลงพื้นที่ไปพูดคุยกับคนที่อยู่อาศัยจริงๆ ในทำเลที่จะเข้าไปลงทุน ซึ่งดีกว่าการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว ทั้งคู่แนะนำว่าท้ายที่สุดการเสียเวลาลงพื้นที่จะทำให้เราได้ทุกคำตอบที่เราสงสัยในการลงทุน
เป้าหมายในอนาคต
อย่างที่คุณออมและคุณบีบอกไปตั้งแต่ต้นว่าเขาทั้งคู่มองเห็นว่าการทำเพจคอนโดติดดอยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและหวังว่าจะทำออกมาให้ดีที่สุด แต่นอกจากเพจเฟซบุ๊กแล้วยังมีแชลแนลยูทูปในชื่อเดียวกันให้ทุกคนติดตามเรื่องเล่าและการรีวิวคอนโดฯ ในรูปแบบวิดีโอที่เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น “จริงๆ เรายังมีอีกเพจที่เกี่ยวกับบ้านด้วย” คุณออมฝากบอกสำหรับคนที่สนใจเรื่องบ้านและอยากอ่านเรื่องราวสั้นๆ ที่กระชับไม่แพ้เพจคอนโดติดดอยชื่อเพจว่า ‘อสังหา5บรรทัด’
“อยากให้ไปถึงจุดที่ว่า ถ้าคุณอยากปรึกษาเรื่องคอนโดแล้วคุณนึกถึงเรา” คุณบีกล่าวถึงเป้าหมายต่อไปที่ทั้งคู่วางแผนไว้สำหรับเพจคอนโดติดดอย คุณบีและคุณออมบอกว่าเป้าหมายของเขาทั้งสองไม่ใช่การเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่อยากเป็นเพียงที่ปรึกษาที่ดีที่คอยให้คำแนะนำเรื่องคอนโด เขาหวังว่าประสบการณ์ที่มีจะช่วยให้คนที่ต้องการข้อมูลในการตัดสินใจนำไปใช้งานได้จริง ซึ่งทั้งสองคนทิ้งท้ายว่าแม้การทำเพจจะเป็นการสื่อสารทางเดียวในแบบเรื่องเล่า แต่ในอนาคตก็หวังว่าจะทำให้เป็นการสื่อสารแบบสองทางแบบที่เจอหน้ากันหรือพูดคุยกันได้ พวกเขาหวังว่าจะไปถึงจุดนั้นและอยากให้ทุกคนคอยติดตามและให้กำลังใจต่อไปด้วย
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อพูดถึง Personal…