เมื่อการจ่ายแล้วแบ่งยอดจ่ายได้ 3 เดือนไม่ได้มีแค่ในบัตรเครดิต
การให้บริการทางการเงินแบบ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” หรือ BNPL (Buy Now Pay Later) มีให้เห็นในบริษัทใหญ่ๆ ของโลกทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกามานานแล้ว แต่ก็ยังใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาก
เมื่อต้นปีเราเคยมีโอกาสพูดคุยและนำเสนอเรื่องราวของ ‘พี่แน่น’ ภูมิพงษ์ ตันเจริญผล ไปให้ทุกคนได้อ่านกันแล้ว สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่นี่ วันนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมบทบาทใหม่ในฐานะ General Manager แห่ง Atome ประเทศไทย และจะมาพูดคุยอีกครั้งกับอนาคตของโมเดลธุรกิจที่น่าจับตามองในขณะนี้
ทำความรู้จักกับพี่แน่นอีกครั้ง
ย้อนกลับไปไม่นานพี่แน่นเล่าให้เราฟังว่าตอนเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่จะพาเขาไปเที่ยวต่างประเทศทุกปี ซึ่งพี่แน่นมองว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัวเองมีวิธีคิดที่ต่างจากคนอื่น เพราะการไปเยือนต่างประเทศก็คือการได้เปิดโลก ได้มาเห็นวัฒนธรรม สถานที่ และการใช้ชีวิตที่ต่างออกไป
โดยปกติพี่แน่นมักจะให้สัมภาษณ์ว่าธุรกิจแรกที่ทำคือร้านเสื้อผ้าตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่ความจริงแล้วธุรกิจแรกสุดคือร้านเช่าหนังสือการ์ตูนตอนป.4 เขาก็เริ่มรู้สึกสนุกกับการทำธุรกิจมาตั้งแต่ตอนนั้น จึงได้เข้าเรียนที่คณะ BBA จุฬาฯ
บริษัทแรกของพี่แน่นคือบริษัทลูกของ SCG ที่ชื่อว่าค้าสากลซิเมนต์ไทย (SCT) รวมถึงคว้าทุนของ SCG เรียนต่อปริญญาโทสาขา MBA ที่ Columbia Business School ได้สำเร็จ
หลังเรียนจบและกลับมาทำงานที่ SCG ได้อีกระยะหนึ่ง พี่แน่นยังเป็น 1 ในทีมที่ร่วมก่อตั้ง AddVentures ของ SCG ด้วย และ AddVentures นั้นเปิดโอกาสให้เขาได้ขยายเน็ตเวิร์กวงการสตาร์ทอัปไปอย่างกว้างขวาง จนได้ทำงานร่วมกับ Zilingo ในตำแหน่ง Country Head
วันนี้ในบทบาทใหม่
Atome เป็นผู้ให้บริการทางการเงินแบบ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” หรือ BNPL (Buy Now Pay Later) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ให้บริการแล้วหลายประเทศทั้งในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง และจีน รวมถึงพาร์ทเนอร์ร่วมกับแบรนด์ร้านค้าชั้นนำและผู้ประกอบการร้านค้ากว่า 5,000 ราย มีสินค้าประเภทแฟชั่น ความงาม ไลฟ์สไตล์ อุปกรณ์กีฬา รวมไปถึงเครื่องใช้ภายในบ้าน และมียอดผู้ใช้บริการกว่า 20 ล้านคน
ปัจจุบันพี่แน่นเป็น General Manager ที่ Atome ประเทศไทย ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ และกำลังขยายตลาดเอเชียในอนาคต
เมื่อพูดถึง Buy Now Pay Later พี่แน่นเล่าให้ฟังว่าไม่ใช่คอนเซปต์ใหม่แต่มีมานานแล้ว เพราะในหลายประเทศก็มีบริษัทใหญ่ๆ ในโลก เช่น ‘Affirm’ ‘Klarna’ และ ‘Afterpay’ เป็นต้น แม้จะเป็นโมเดลที่ใช้มาแล้วแต่ก็ยังใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รู้จักกับ Atome
เราชวนพี่แน่นพูดคุยถึงเรื่องราวธุรกิจของ ‘Atome’ ว่ามีความเป็นมาอย่างไรถึงได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจน่าจับตามองอยู่ตอนนี้ ซึ่งพี่แน่นก็ยินดีเล่าให้เราฟังว่าทั้ง Atome และ Atome ประเทศไทย อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทแม่คือ Advance Intelligence Group (AIG) ที่เคยทำ AI Solutions ในการดูแลระบบภายในต่างๆ ให้กับบริษัทการเงินหลายแห่งอาทิเช่น ระบบ KYC หรือ AI Automation ดังนั้น AIG จึงเปรียบเสมือนหลังบ้านที่คอยดูแลระบบให้กับ Atome ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Atome เปิดตัวเมื่อปี 2017 และขยายธุรกิจในต่างประเทศในปี 2019 จนทำให้คนรู้จักมากขึ้น ซึ่งพี่แน่นบอกว่าบริษัทมีฐานลูกค้าคือ กลุ่มธนาคารและการเงิน อีคอมเมิร์ซ รวมถึงธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ผลักดันให้ Atome เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ได้มากในระยะเวลาอันรวดเร็ว
โมเดลของ Atome ไม่มีดอกเบี้ย
ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง อาจเป็นจุดขาย แต่ Atome ยังมีจุดเด่นอีกอย่างคือ “ไม่มีดอกเบี้ย”
พี่แน่นกล่าวถึงจุดขายของ Atome
พี่แน่นเล่าให้ฟังว่า Atome ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกค้าโดยตรง แต่จะเก็บค่าธรรมเนียมกับกลุ่มร้านค้าที่เป็นพาร์ทเนอร์ B2B เพียงอย่างเดียว โดยข้อดีก็คือสามารถเพิ่ม basket size ได้ 30% ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อได้เยอะขึ้น ใช้ง่าย และช่วยลูกค้าตัดสินใจได้เร็ว เป็นประโยชน์ที่มีให้กับทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน
สำหรับพาร์ทเนอร์ที่เป็นร้านค้าแล้ว Atome ก็จะมีเครื่องมือต่างๆ ในการสร้าง traffic ของ user รวมถึงมีข้อมูลทางประชากรศาสตร์และพฤติกรรมที่ช่วยให้พาร์ทเนอร์สามารถเข้าถึงลูกค้าที่เป็น user ได้ทันที
นอกจากนี้ลูกค้าที่ต้องการผ่อนชำระสินค้าผ่าน Atome ยังสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีบัตรเครดิต แต่ใช้เพียงบัตรเดบิตก็สามารถชำระได้แล้ว รวมถึงไม่คิดดอกเบี้ย ไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมด้วย เป็นสิทธิประโยชน์หลักสำหรับลูกค้าโดยตรง และยังเป็นระบบ payment ที่โตเร็วที่สุดในตอนนี้สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
เดินหน้าไปกับเทรนด์อีคอมเมิร์ซ
ปัจจุบันนี้เราต่างรู้กันว่าเทรนด์อีคอมเมิร์ซเป็นเทรนด์หลักในการทำธุรกิจ และทุกคนรู้ว่า ทุกอย่างต้องปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์ พี่แน่นอธิบายว่ามีปัจจัยอยู่ 4 เรื่องในการทำธุรกิจคือโมเดลธุรกิจ ระบบโลจิสติกส์ การตลาด และการจ่ายเงิน 3 ปัจจัยแรกกำลังเติบโตมากในไทยรวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่พาร์ท Payment นั้นน้อยมากที่จะเกาะตลาดไปกับผู้บริโภคได้ Atome จึงเข้ามาเป็นนวัตกรรมที่ไม่มีมานานในไทยหากเทียบกับขาอื่นๆ ของอีคอมเมิร์ซ
พี่แน่นมองว่านี่เป็นโอกาสที่ใหญ่สำหรับการเปิดตัวในไทย โดย Atome ลุยออฟไลน์ตั้งแต่วันแรกๆ ในฐานะ ‘Checkout Innovation’ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพราะตลาดค้าปลีกในไทยยังไม่ตาย โดยจากสถิติ คนไทยมีบัตรเครดิตเฉลี่ย 3 ใบต่อคน ทำให้คนที่มีเครดิตในการจ่ายเงินน้อยมาก เมื่อเทียบบัตรเดบิตที่แทบจะมีกันเกือบทุกคน ดังนั้น Atome ที่รับทั้งเดบิตและเครดิต แถมยังใช้ง่ายเพียงแค่ยืนยันตัวตนผ่านระบบ KYC ก็สามารถใช้จ่ายเงินได้ จึงมีฐานลูกค้าที่ใหญ่ ทำให้เขาหวังที่จะเห็นการเติบโตของธุรกิจนี้ในไทยมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
ใช้เงินอนาคตมีความเสี่ยงหรือไม่?
เราสงสัยว่าการจ่ายแล้วแบ่งยอดจ่ายได้ 3 เดือนจะทำให้คนใช้เงินเกินตัวไปหรือเปล่า? พี่แน่นก็ได้ให้คำตอบมาว่าสิ่งที่ Atome กำลังพยายามทำให้เกิดขึ้นภายในอีก 1 ปีข้างหน้าคือการให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการเงินส่วนบุคคลด้วยเพื่อไม่ให้ใช้เงินเกินตัว โดยพยายามปรับวงเงินให้เหมาะสมกับผู้ใช้
ดังนั้นทุกการจ่ายชำระจึงคาดหวังให้ทุกคนเน้นที่สินค้าที่อยากใช้และสำคัญจริงๆ ซึ่งระบบของ Atome มีการแจ้งเตือนวันและเวลาจ่ายเงินชำระภายหลังทุกเดือน ทำให้ผู้ใช้ทุกคนรู้ค่าใช้จ่ายของตัวเองอยู่ตลอด และแม้ว่าปัจจุบันจะมีข้อเสนอการชำระแบบผ่อน 3 เดือนอยู่ แต่ในอนาคตพี่แน่นบอกว่าอาจจะเพิ่มระยะเวลาได้หากเห็นว่าผู้ใช้ต้องการ
เป้าหมายของAtome
แม้จะเปิดตัวได้ไม่นานแต่ฐานลูกค้าที่กำลังเติบโตทำให้ Atome มองเห็นโอกาสสร้างฐานของร้านค้าให้เยอะที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งผลตอบรับที่ผ่านมามีพาร์ทเนอร์ต่างๆ เช่น แบรนด์แฟชั่นหรือแบรนด์ความสวยความงามเริ่มตอบรับการชำระเงินผ่าน Atome มากขึ้น หากฐานร้านค้าเพิ่มขึ้นก็จะทำให้ลูกค้าเข้าถึงประโยชน์ผ่านการใช้จ่ายแบบ BNPL ได้มากขึ้นด้วย
ปิดท้ายกับคำถามที่เราสงสัยว่าในระยะยาวการให้บริการแบบ BNPL จะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งพี่แน่นก็ให้คำตอบกับเราว่าโมเดล BNPL ที่ Atome ใช้อยู่นี้อาจจะเติบโตและสามารถพัฒนาเป็น finalcial product อื่นๆ ได้ เพราะมีข้อมูลทั้งฝ่ายที่เป็นลูกค้ากับร้านค้า ซึ่งพี่แน่นบอกว่าคงอีกไม่นานเกินรอ เราคงจะได้เห็นกัน
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆแต่เมื่อพูดถึง Personal Branding…