คุณเชื่อว่าความฉลาดและความสามารถเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด หรือเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่คนเราเรียนรู้และพัฒนาให้เก่งขึ้นได้?
ถ้าคุณเห็นด้วยกับข้อความแรก นั่นแปลว่าคุณมีแนวคิดแบบ ‘Fixed Mindset’ แต่หากคุณเห็นด้วยกับข้อความที่สอง นั่นแปลว่าคุณมีแนวคิดแบบ ‘Growth Mindset’
Fixed Mindset และ Growth Mindset ต่างกันอย่างไร?
ความพยายาม
เมื่อต้องทำสิ่งที่ใช้ความพยายามมากๆ สิ่งที่คนมี Fixed Mindset ทำคือปล่อยให้คนอื่นทำส่วนที่ยากที่สุด ส่วนตัวเองก็ทำส่วนที่แทบไม่ต้องใช้ความพยายาม ในขณะที่คนที่มี Growth Mindset จะมองว่าความพยายามเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ คนเหล่านี้จึงพร้อมลงทุนลงแรงทำอะไรด้วยตัวเองเพื่อขัดเกลาทักษะจนเก่ง
ความท้าทาย
แนวคิดแบบ Fixed Mindset จะทำให้คนหลีกเลี่ยงความท้าทายและความรับผิดชอบเพราะกลัวความล้มเหลว กลับกัน Growth Mindset จะทำให้เรารู้สึกว่าความท้าทายเป็นเรื่องสนุกและน่าตื่นเต้น ทำให้เราอยากลองทำอะไรที่ท้าทายความสามารถตัวเองเพื่อสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ความผิดพลาดและฟีดแบก
คนที่มี Fixed Mindset จะไม่ชอบการทำอะไรผิดพลาดเพราะมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย ทำให้คนเหล่านี้บางครั้งก็โทษคนอื่นเวลาโดนตำหนิเพราะอยากปัดความผิดให้ออกจากตัวเอง ในขณะที่คนที่มี Growth Mindset จะมองว่าความผิดพลาดเป็นบทเรียนและเปิดรับคำวิจารณ์เพราะเชื่อว่าคำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์จะทำให้เกิดการพัฒนา
แต่ไม่ต้องกังวลไปถ้าคุณคิดว่าตัวเองน่าจะเข้าข่าย Fixed Mindset มากกว่า เพราะไม่ว่าจะความรู้ ความสามารถ หรือแนวคิด (Mindset) ก็เปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ทั้งนั้น วันนี้เราจึงมานำเสนอ 5 วิธีเปลี่ยนแนวคิดแบบ Fixed ที่ทำให้เราหยุดอยู่กับที่เป็นแนวคิดแบบ Growth ที่ส่งเสริมให้เราเติบโตกัน!
ปรับภาษาที่ใช้พูดคุยกับตัวเอง
เวลาเราต้องเผชิญกับปัญหาหนักๆ หรือสถานการณ์ยากลำบาก ปฏิกิริยาตอบกลับของเราต่อเหตุการณ์เหล่านั้นคือสิ่งที่สะท้อน ‘ความเชื่อ’ ของเรา เพราะฉะนั้น ขั้นตอนแรกของการเปลี่ยนแนวคิดก็ต้องเริ่มจากเปลี่ยนตัวเองจากข้างใน แทนที่เราจะคอยพร่ำบอกตัวเองว่า ทำไม่ได้ / ไม่เก่งพอ / มันยากเกินไป / ความสามารถเรามีแค่นี้ ลองเปลี่ยนเป็น ฉันทำได้ / ฉันอยากลองทำอะไรใหม่ๆ / พลาดบ้างก็ไม่เป็นไร / ฉันเรียนรู้ได้เสมอ
ตั้งเป้าว่าเราได้เรียนรู้อะไรบ้างไม่ใช่ทำได้ดีหรือเปล่า
ส่วนใหญ่เวลาเราตั้งเป้าหมาย เราก็มักจะโฟกัสไปที่ผลลัพธ์มากกว่ากระบวนการระหว่างทาง ตัวอย่างเช่น เราอาจจะตั้งว่าต้องลดน้ำหนักให้ได้สัก 10 กิโลกรัม แทนที่จะตั้งใจว่าต้องทานอะไรที่มีประโยชน์ทุกวัน แต่การโฟกัสที่กระบวนการจะทำให้เราสังเกตเห็นพัฒนาการของเราที่เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อยแต่สม่ำเสมอในทุกๆ วัน และทำให้เราตระหนักว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วครู่ชั่วยาม แต่เกิดจากความพยายามทำอะไรสักอย่างซ้ำๆ จนสำเร็จ
ใช้ประโยชน์จากความล้มเหลว
แทนที่จะพยายามหลีกเลี่ยงความล้มเหลว เราควรใช้ประโยชน์จากมันด้วยการทบทวนว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เราล้มเหลว และวางแผนใหม่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย เมื่อไรที่เราตั้งใจมองว่าความล้มเหลวคือสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรุ้และเติบโต ไม่ใช่ตัวชี้วัดความสามารถ เราก็จะกล้าปล่อยให้ตัวเองลองล้มเหลวมากขึ้น
ทำสิ่งที่ไม่ยากและไม่ง่ายจนเกินไป
ความต่างระหว่างอยากลองท้าทายอะไรใหม่ๆ กับตั้งใจทำสิ่งที่ไม่มีทางสำเร็จก็ห่างกันแค่เส้นบางๆ กั้น ถ้าเราพยายามวิ่งมาราธอนโดยไม่เตรียมตัวร่างกายให้ดีก่อน ต่อให้มีความตั้งใจมากแค่ไหนเราก็คงไม่มีทางถึงเส้นชัย ดังนั้นเวลาเลือกท้าทายอะไรสักอย่าง เราถึงควรเลือกสิ่งที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของเรามากเกินไป วิธีนี้จะทำให้เราได้ออกจากคอมฟอร์ทโซน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ออกมาเยอะเกินไปจนทำให้เกิดความกลัวและวิตกกังวล
สม่ำเสมอแต่ยืดหยุ่น
ความสำเร็จไม่ได้สร้างในวันเดียว Growth Mindset ก็เหมือนกัน ลองถามคำถามเหล่านี้กับตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
- ครั้งที่แล้วเราทำตัวแบบ Growth หรือ Fixed Mindset?
- ทำไมเราจึงเลือกที่จะทำแบบนั้น?
- มีเหตุผลหรือปัจจัยอะไรเป็นพิเศษไหมที่ทำให้เราเลือกแนวคิดแบบ Fixed ในช่วงเวลานั้น?
การถามคำถามเหล่านี้กับตัวเองเป็นประจำและให้ความยืดหยุ่นกับตัวเองมากพอจะเรียนรู้จากมันจะทำให้เราพบคำตอบว่าทำไมในบางช่วงเวลาหรือบางเหตุการณ์เราจึงเลือกใช้แนวคิดแบบ Fixed และหาทางรับมือกับมันเพื่อสร้าง Growth Mindset ให้กับตัวเองในอนาคต
ตัวอย่างเช่น เราอาจจะพบว่าเหตุการณ์ที่เราใช้ Fixed Mindset นั้นเกี่ยวข้องกับการพบปะคนเยอะๆ เพราะเราเป็นคนขี้อาย ครั้งต่อไปเมื่อเรารู้เท่าทันตัวเอง ก็อาจจะลองนึกถึงข้อดีของการได้ Networking ก่อนที่จะรีบด่วนปฏิเสธโอกาสดีๆ
การพัฒนาตัวเองเป็นศาสตร์ที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เรียนรู้การพัฒนาตนเองจากผู้ที่ยืนอยู่บนความสำเร็จได้ที่ Cariber แพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงความรู้และประสบการณ์จากผู้นำองค์กรและผู้เชี่ยวชาญในทุกแวดวง
อ้างอิง
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆแต่เมื่อพูดถึง Personal Branding…