เบส กิตติศักดิ์: เภสัชกรที่ใช้การเขียนบำบัดซึมเศร้า สู่เพจ ‘ลงทุนศาสตร์’

Home » Career Fact » Interview » เบส กิตติศักดิ์: เภสัชกรที่ใช้การเขียนบำบัดซึมเศร้า สู่เพจ ‘ลงทุนศาสตร์’

“เพราะการฝึกตัวเองให้มีภูมิต้านทานต่อความล้มเหลวจะทำให้เรามีชีวิตที่ดี”

หลายๆ คนคงอยากประสบสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยและมีเวลาเหลือเฟือเพื่อใช้ชีวิตในแบบที่ปรารถนา แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีพอจะมีแผนที่หรือเข็มทิศอันแม่นยำคอยนำทางให้พิชิตยอดเขาได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ วันนี้ Career Fact จึงขอนำเสนอเรื่องราวที่เต็มไปด้วยแพชชั่นและแรงบันดาลใจของชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ‘ลงทุนศาสตร์’ หรือเพจการเงินที่ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามมากกว่า 9 แสนคนบนเฟสบุ๊ค

นอกจากการเป็นเจ้าของเพจแล้ว ‘คุณเบส-กิตติศักดิ์ คงคา’ ยังเป็นทั้งนักเขียน เภสัชกร ผู้บริหารโรงงานยา พิธีกรรายการพอดแคส และนักเล่นหุ้นประเภท VI (หุ้นคุณค่าที่ให้ความสำคัญกับมูลค่าของกิจการ) หลายคนอาจสงสัยถึงเคล็ดลับในการประสบความสำเร็จและเทคนิคการบริหารเวลาระดับร้อยล้านของเขา ซึ่ง Career Fact ได้รวมมาเปิดเผยในบทความนี้เรียบร้อยแล้ว

 

การอ่านคือรากฐานที่สำคัญ

ชีวิตของคุณเบสไม่ได้สวยหรูมาตั้งแต่ตอนเริ่มต้นอย่างที่ใครหลายคนอาจจะเข้าใจ เด็กชายเบสเกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลางค่อนไปทางล่างที่มีคุณพ่อรับจ้างขับรถสองแถวและคุณแม่ทำขนมขาย ทั้งสองขยับขยายมาทำธุรกิจส่วนตัวตอนที่เขาอยู่ในช่วงวัยรุ่น คุณเบสจึงไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับครอบครัวมากนักเนื่องจากท่านทั้งสองต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเด็กชายเบส เมื่อเขามีหนังสือคอยอยู่เป็นเพื่อนและเคยชินกับการอยู่คนเดียว 

คุณเบสเปิดเผยว่านิสัยรักการอ่านในตอนนั้นคือรากฐานความสำเร็จของเขาในวันนี้ นอกจากความอดทนในการอ่านหนังสือเกี่ยวกับลงทุนเป็นร้อยๆ เล่มจนเชี่ยวชาญแล้ว มันยังสร้างทักษะการคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลที่ทำให้เขาสามารถคาดการณ์มูลค่าของหุ้นแต่ละตัวแล้วประสบความสำเร็จบนกระดานตัวเลขนี้อีกด้วย

 

เลือกคณะเหมือนเลือกประกันชีวิต

ผลงานนวนิยายแฟนตาซีซีรีส์ยาวฝีมือคนไทยอย่าง ‘เพชรพระอุมา’ โดยพนมเทียน คือจุดเริ่มต้นของความหลงใหลในโลกอีกใบบนหน้ากระดาษ และพัฒนามาเป็นความฝันในวัยเด็กที่ยากจะลืมเลือนของเด็กชายเบส…เขาฝันอยากจะเป็นนักเขียน

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เลือกเรียนในคณะอักษรศาสตร์หรือวารสารศาสตร์เหมือนที่เคยฝัน ยิ่งไปกว่านั้น เขาในวัย 17 ย่าง 18 ปียังเลือกที่จะเรียนคณะเภสัชศาสตร์แทนคณะแพทยศาสตร์ที่สอบติด ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของครอบครัวและเหล่าอาจารย์ เพราะการเข้าเรียนในคณะแพทย์ฯ ตอนนั้นเปรียบเสมือนใบเบิกทางแห่งความสำเร็จของสังคม แต่คุณเบสคิดต่างออกไป เขารู้ตัวว่าเขาคงไม่ค่อยชอบการเป็นหมอมากนักเพราะเขาเกลียดการผ่าตัด ประกอบกับธุรกิจโรงงานยาของครอบครัวที่คงต้องการเภสัชกรสักคนมาดูแลหลังจากนี้ และความจริงที่ว่าวิชาชีพทางการแพทย์มักจะเป็นที่ต้องการอยู่เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม เหตุผลทุกข้อรวมกันให้การตัดสินใจของเขาสวนทางกับความฝันวัยเด็กและค่านิยมของสังคม

“เราเป็นเภสัชกรที่เป็นนักเขียนแทนก็ได้” คือความคิดของเด็ก ม.6 คนหนึ่ง และปัจจุบันเขาก็กลายเป็นเภสัชกรที่ควบอาชีพนักเขียนแล้วจริงๆ จากเหตุการณ์นี้…คุณเบสแนะนำให้เรามองเห็นถึงภาพรวมของชีวิตในระยะยาว เพราะจะทำให้เราสามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้ดีมากยิ่งขึ้น เหมือนกับเขาที่มองเห็นว่าอย่างน้อยอาชีพเภสัชกรก็เป็นหลักประกันหนึ่งของชีวิตในวันข้างหน้าหากมีเหตุไม่คาดฝันทางการเงินเกิดขึ้น

คุณเบสจึงกลายเป็นบัณฑิตจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง

 

อาชีพที่เลือกไม่ได้

ในตอนแรก คุณเบสวางแผนว่าจะออกไปใช้ชีวิตอย่างการออกเที่ยวรอบโลกและค้นหาตัวเองหลังเรียนจบ แต่เมื่อคุณพ่อได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายตอนเขาเรียนอยู่ปีสี่ เขาก็ไม่มีตัวเลือกอื่นใดเหลือนอกจากต้องกลับมาสานต่องานที่ค้างคาไว้ คุณเบสยอมรับว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูกใจเขามากนัก แต่เมื่อคิดคำนวณถึงความมั่นคงทางการเงิน เขาก็จำเป็นต้องรับงานนี้เพื่อเป็นรากฐานในการทำสิ่งอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

เมื่อโรงงานยาไม่ใช่งานที่ชอบ พอมีเวลาว่างเหลือจากการทำงาน เขาจึงทุ่มเทให้กับการลองทำสิ่งอื่นๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่จะทำให้เขารู้สึก ‘สปาร์คจอย’ เหมือนหลักการจัดบ้านของคอนโดะ มาริเอะ เขาลองทำหลายอย่างมาก เช่น เรียนการตลาดออนไลน์ เล่นกีฬา ทำอาหาร จนมาเจอกับเข้ากับการลงทุนที่เขารู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกเลยว่ามันเป็นศาสตร์ที่เจ๋งมาก เขาจึงเริ่มต้นศึกษาอย่างจริงจัง แล้วนำเงินก้อนแรกที่ได้จากคุณแม่หลังเรียนจบไปลงทุนให้มันงอกเงยขึ้นมา

 

ความลับของลงทุนศาสตร์

เนื่องจากว่าเขาเรียนจบมาจากสายวิทย์คุณภาพเลยไม่มีเพื่อนเพื่อคุยด้านการเงินหรือการลงทุนมากนัก เพจชื่อ ‘ลงทุนศาสตร์’ จึงถูกเปิดขึ้นเพื่อแชร์เรื่องราวและพูดคุยกับผู้คนบนโลกอินเตอร์เน็ตที่มีความสนใจเรื่องเดียวกัน ตอนนั้นแค่มีคนกดไลก์สักพันคนก็ดีมากแล้วสำหรับคุณเบส แต่มันกลับประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึงจนมีไวรัลคอนเทนต์ (Viral Content) บนโลกออนไลน์ แล้วขยับขยายกลายเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมมากถึงเกือบ 1 ล้านคน!

คุณเบสบอกว่าคอนเทนต์ของลงทุนศาสตร์นั้นเป็นเอกลักษณ์ เขาไม่ได้ให้ความรู้เรื่องหุ้นในเชิงข้อมูลกับผู้ติดตาม แต่เขา ‘สอน’ ให้ผู้ติดตามสามารถลงทุนเป็นและวิเคราะห์หุ้นเองได้ เพราะเขามองว่าความรู้เกี่ยวกับการเงินและการลงทุนนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับทุกคนถ้าจะต้องอยู่ในโลกทุนนิยมแบบนี้

แม้ปัจจุบันเพจนี้จะไม่ใช่งานหลักของเขาแล้ว แต่คุณเบสก็ยังอยากผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ ออกมาเพื่อแสดงความขอบคุณแก่ผู้ติดตามและรักษามูลค่าของแบรนด์นี้เอาไว้

 

เมื่อนักเขียนไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ปัจจุบันคุณเบสเป็นนักเขียนที่ผลิตผลงานดีๆ ออกมามากกว่า 20 เล่ม จุดเริ่มต้นของอาชีพนี้คือตอนที่เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอย่างหนักเมื่อ 3 ปีก่อน เขาเข้าพบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษา แล้วค้นพบว่าการเขียนหนังสือเป็นสิ่งเดียวในตอนนั้นที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจให้เขามีความสุขในชีวิตได้บ้าง เขาจึงเริ่มจรดปลายนิ้วลงบนคีย์บอร์ดแล้วสร้างสรรค์นิยายรักสามเล่มจบออกมาหนึ่งชุด (เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น) ตอนแรกเขาทำไปโดยไม่ได้คาดหวังอะไร แต่กลับมียอดนักอ่านจำนวนมากบนเว็บไซต์ แล้วในที่สุดก็ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปทำเป็นซีรีส์ คุณเบสยอมรับว่าปรากฎการณ์นี้ก็ต้องอาศัยดวงและความโชคดีประมาณหนึ่ง เพราะตอนนี้เขาคงไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว

นอกจากนั้น คุณเบสยังเคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าขึ้นมาเล่มหนึ่ง มีชื่อว่า ‘มนุษย์ซึมเศร้ากับเรื่องเล่าสีขาวดำ’ เพราะเขาอยากเห็นหนังสือแนวฟีลกู๊ดในหมวดนี้บ้าง เพื่อให้กำลังใจผู้ป่วยทุกคนว่าพวกเขามีสิทธิ์จะหายหากพวกเขาพยายาม และเพื่อสร้างภาพอนาคตที่ชัดเจนราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทุกๆ คน

สำหรับใครก็ตามที่กำลังป่วยเป็นโรคนี้ คุณเบสแนะนำให้เข้าพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้องโดยการใช้ยาและกระบวนการจิตบำบัด และเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่กับต้นเหตุของโรคนี้อย่างถูกวิธีด้วย

 

คำตอบของการบริหารเวลาคือความเก่ง

เนื่องจากว่าเราเห็นคุณเบสทำงานหลายอย่างมากๆ ทางเราก็เลยอยากจะรู้ว่าเขามีวิธีการบริหารเวลาอย่างไรให้ทำงานเสร็จทันเวลาและมีคุณภาพ

คุณเบสตอบว่าหากเราอยากจะบริหารเวลาให้ได้ดี เราก็จำเป็นจะต้องเก่งในสิ่งที่ทำ ซึ่งความเก่งนั้นก็มักจะมาจากการฝึกฝนซ้ำๆ และต้องทำไปทีละอย่าง ในกรณีของคุณเบส เขาเริ่มจากการลงทุน มาเป็นการทำเพจ ก่อนจะเริ่มไปเขียนหนังสือ การฝึกฝนไปทีละอย่างทำให้เขาเก่งขึ้นแล้วงานก็ไปได้เร็วขึ้นด้วย

“การเก่งคือการประหยัดเวลาที่ดีที่สุด”

ถ้าเราเก่งมากพอ เราไม่จำเป็นต้องบริหารเวลาด้วยซ้ำ เพราะเราจะมีเวลาเหลือไปทำในสิ่งอื่นๆ เอง

 

สมการของความสำเร็จ

“การล้มเหลวเป็นเรื่องสำคัญ”

เมื่อเราถามคำถามว่าคุณเบสมีบทเรียนหรือข้อคิดใดที่อยากจะฝากถึงคนรุ่นใหม่หรือไม่ เขาเอ่ยถึงเรื่องการเข้าใจความล้มเหลว สำหรับเขา…การล้มเหลวเป็นเรื่องสำคัญที่มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องพบเจออย่างยากจะหลีกเลี่ยง เพราะฉะนั้นทุกคนจึงต้องยอมรับแล้วแล้วก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ คุณเบสเป็นคนที่ไม่ค่อยหวาดกลัวต่อความล้มเหลว และเพราะอย่างนั้นเขาจึงกล้าพอที่เริ่มต้นลองทำอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ มันไม่ใช่เพราะว่าเขามักจะประสบความสำเร็จ แต่เป็นเพราะเขารู้และเข้าใจว่าเขาสามารถล้มเหลวได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นหากคนเราเข้าใจว่าความล้มเหลวนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและการเติบโต มันก็คงจะมีโอกาสง่ายกว่าในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย

คุณเบสเองก็เคยลองทำสิ่งใหม่ๆ และมีประสบการณ์ล้มเหลวมาพอสมควรเหมือนกัน คีย์เวิร์ดของปัญหานี้คือการล้ม ลุก และเดินหน้าต่อไป เราอาจพลาดในครั้งแรก ครั้งที่สอง หรือครั้งที่สาม แต่ไม่เคยมีใครบอกว่าเราจะทำไม่สำเร็จในครั้งที่สิบหรือสิบเอ็ด

 

คำแนะนำถึงคนรุ่นใหม่

จงให้ความสำคัญกับเรื่องการเงินที่ต่อไปจะกลายเป็นรากฐานสำคัญและหลักประกันของชีวิต ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทุ่มเทกับการหาเงินให้มากที่สุด เพื่อนำไปซื้อเวลาชีวิตและความสุขในอนาคต อีกทั้งความรู้เรื่องการเงินยังเป็นตัวช่วยสำคัญในชีวิตเราอีกด้วย

ส่วนเรื่องอาชีพ เนื่องจากว่ามนุษย์ไม่สามารถเลือกอาชีพที่อยากทำกันได้ทุกคน เพราะฉะนั้นคุณจะทำกี่อาชีพก็ได้ แต่ต้องมีอาชีพหนึ่งที่สร้างความสุขให้คุณได้จริงๆ เพราะอาชีพการงานเป็นสิ่งที่ต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิต ดังนั้นจงลองทำสิ่งที่แตกต่างเพื่อค้นหางานที่มีความสุขที่สุดสำหรับคุณ 

“จงหาสิ่งที่ดีต่อใจกับชีวิต”

ชีวิตในวัย 30 ปีตอนนี้ของคุณเบสคือเดอะเบสตามชื่อและเป็นไปในทิศทางที่เขาต้องการแล้ว เขามีอิสระทางการเงินจาก Passive Income ที่สะสมมา ทุกวันนี้เขาจึงทำงานเพื่อความสุขส่วนตัวมากกว่าที่จะทำเพื่อเงิน เพราะฉะนั้นในอนาคต ต่อให้ประสบความสำเร็จมากกว่านี้ เขาก็ยังอยากจะทำงานต่อไปเรื่อยๆ อยู่ดี เขาไม่เสียดายกับชีวิตนี้แล้ว ซึ่งก็ต้องขอบคุณครอบครัวที่มีกำลังพอจะสนับสนุนเขาให้มีชีวิตเกษียณที่ต้องการได้เร็วขนาดนี้

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน