ถ้าถามว่า “เคยได้ยินคำว่าบล็อกเชนไหม?” หลายคนก็น่าจะตอบว่าเคย
แต่ถ้าถามว่า “แล้วรู้ไหมว่าบล็อกเชนคืออะไร?” คำตอบก็น่าจะต่างออกไป
วันนี้ Career Fact จึงพาทุกคนมาพูดคุยกับตัวจริงเรื่องบล็อกเชนอย่าง ‘พี่อ๊อฟ’ ภาสกร ปานนอก CEO แห่ง Bitkub Blockchain Techology พร้อมตอบคำถามที่หลายคนน่าจะสงสัยอย่าง บล็อกเชนมีไว้ทำอะไรกันแน่? ประโยชน์ของมันคืออะไร? และถ้าสนใจสายงานนี้จะมีโอกาสเติบโตแค่ไหน?
หาคำตอบพร้อมกันที่นี่
ความล้มเหลวคือวัคซีน
พี่อ๊อฟเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่มศว และทำงานเป็น Software Developer ได้ราว 1 ปีกว่าๆ ก็อยากเรียนรู้ภาพกระบวนการทำโปรดักต์ออกมาชิ้นหนึ่งตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเพื่อให้องค์ความรู้ที่มีมีความสมบูรณ์มากขึ้น เขาจึงตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทด้าน Software Engineering ที่จุฬาฯ
หลังเรียนจนเห็นภาพใหญ่แล้วเขาก็อยากลองตั้งบริษัทเป็นของตัวเองดูบ้าง Software House ชื่อ Moji Interactive Studio ที่เขาทำหน้าที่แทบทุกอย่างตั้งแต่ติดต่อลูกค้า ดูแลด้านบัญชี กฎหมาย จนถึงเขียนโปรแกรมเองจึงถือกำเนิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วและยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
ผ่านไปราว 3 ปีเขาก็เปิดบริษัทขึ้นมาอีกบริษัท โดยจะเน้นการพัฒนาโปรดักต์เป็นหลักเพราะต้องการสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องกว่า ต่างจากบริษัทก่อนหน้าที่จะเป็นลักษณะของการให้คำปรึกษาตามแต่ละโปรเจกต์และจะมีรายได้เป็นครั้งๆ ไป แต่เวลาผ่านไปราว 2 ปีโปรดักต์ที่พัฒนาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่มีการศึกษาความต้องการของตลาดที่ดีพอ ถึงแม้จะได้หนี้สินติดตัวกลับมาเพิ่ม แต่เขาก็ไม่รู้สึกเสียดายกับการตัดสินใจของตัวเอง เพราะความล้มเหลวนี้เปรียบเสมือนวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเขาและสอนให้เขาระมัดระวังมากขึ้น
จุดเริ่มต้นกับ Bitkub
โชคดีที่ระหว่างที่บริษัทที่สองกำลังมีปัญหา พี่อ๊อฟก็ได้เจอกับพี่ท็อป จิรายุส พอดีเพราะใช้ Co-Working Space ตึกเดียวกัน และเห็นพี่ท็อปทำเกี่ยวกับคริปโตฯ บิตคอยน์ พี่อ๊อฟที่ตอนนั้นยังไม่รู้จักสินทรัพย์ดิจิทัลดีนักก็เกิดความสนใจจนถึงขั้นลองซื้อเครื่องขุดบิตคอยน์มาไว้ที่อ๊อฟฟิศ พอลองขุดแล้วพบว่าสามารถทำเงินได้จริง เขาก็ยิ่งสงสัยว่ากลไกการขุดของมันทำงานอย่างไร จนได้ทำความเข้าใจกับบล็อกเชนอย่างจริงจัง ประจวบกับช่วงนั้นพี่ท็อปเริ่มสนใจจะทำแพลตฟอร์มเทรดเหรียญดิจิทัลอยู่พอดี เลยชวนพี่อ๊อฟมาร่วมทีมก่อตั้ง Bitkub ในตำแหน่งแรกคือ CTO ของ Bitkub Blockchain Technology
Bitkub Blockchain Technology คืออะไร?
พันธกิจของ Bitkub Blockchain Technology (BBT) มี 3 อย่าง
1) พัฒนา Digital Token เพื่อที่ลูกค้าจะสามารถนำโทเคนเหล่านี้ไประดมทุนเพื่อเข้ากระดานเทรดของ Bitkub
2) เป็นที่ปรึกษาด้านบล็อกเชน โดยจะมีเวิร์กช็อปอบรมให้ลูกค้าเข้าใจก่อนว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนคืออะไร และมีขั้นตอนไหนที่เทคโนโลยีสามารถแก้ปัญหาหรือเสริมประสิทธิภาพการทำงานได้บ้าง ตัวอย่างโปรเจกต์ที่เคยทำร เช่น การวางระบบซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ออนไลน์ร่วมกับกระทรวงการคลัง จากเดิมที่คนต้องเดินทางไปซื้อพันธบัตรที่ธนาคารก็สามารถซื้อผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือได้แล้ว
3) สร้าง Bitkub Chain หรือเครือข่ายบล็อกเชนฝีมือคนไทยที่มีเป้าหมายว่าจะเติบโตไประดับโลก
4) พัฒนาตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบ Non-Fungible Token (NFT) ที่จะกลายเป็นตลาดซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยน แห่งอนาคต
เทคโนโลยีบล็อกเชนมีประโยชน์อย่างไร?
พี่อ๊อฟเล่าให้เราฟังว่าประโยชน์ของบล็อกเชนมีอยู่ 5 เรื่อง
1) ความโปร่งใส (Transparency) เนื่องเวลาทำธุรกรรมหรือเก็บข้อมูลบนบล็อกเชน ข้อมูลเหล่านั้นก็จะถูกกระจายไปตามเครือข่าย ทำให้เกิดการแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูลได้ยาก เพราะถ้าจะทำก็ต้องทำอย่างน้อย 2 ใน 3 ของจำนวนชุดข้อมูลที่ถูกกระจายไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
2) ความปลอดภัย (Security) เมื่อมีความโปร่งใส ความปลอดภัยก็จะตามมา
3) การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) การจัดเก็บข้อมูลของบล็อกเชนจะเป็นการเก็บแบบเป็นทอดๆ ทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรมใหม่ๆ ข้อมูลเดิมตั้งแต่วันแรกที่เปิดบัญชีบล็อกเชนก็จะมีการจัดเก็บไว้อยู่ ไม่หายไปไหน
4) มีประสิทธิภาพ (Efficiency) เมื่อข้อมูลถูกกระจาย เราก็ไม่ต้องรอขอข้อมูลจากเครื่องแม่ข่ายเพียงเครื่องเดียว และเมื่อทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การตัดสินใจหรือการดำเนินกระบวนการต่างๆ ก็จะเร็วขึ้นตาม
5) ประหยัดค่าใช้จ่าย (Cost-Saving) ถ้าทำธุรกรรมบนบล็อกเชน ข้อมูลที่ทุกคนถืออยู่นั้นจะมีความโปร่งใส ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ ขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลโดยคนหรือเทคโนโลยีก็จะหายไป ต้นทุนก็จะลดลงไปด้วย
โอกาสการเติบโตในสายบล็อกเชน
พี่อ๊อฟมองว่าบล็อกเชนก็เป็นเพียงเทคโนโลยีที่เข้ามาใหม่เทคโนโลยีหนึ่ง ถ้าเป็นคนในวงการเทคฯ อยู่แล้วและหมั่นเรียนรู้อะไรใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ การเติบโตในสายบล็อกเชนก็ไม่ได้ยากไปกว่าสายอื่นๆ เพราะตัวพี่อ๊อฟเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนมาตั้งแต่แรก สิ่งที่อาจจะต้องปรับคือทัศนคติในการวางระบบหรือโครงสร้างจากเดิมเป็นแบบรวมศูนย์ (Centralization) ก็ต้องเปลี่ยนเป็นแบบกระจายศูนย์ (Decentralization) แทน
สำหรับใครที่ไม่ได้อยู่วงการไอทีแต่อยากเบนมาด้านนี้ก็เป็นไปได้เหมือนกันเพราะในอนาคตก็มีแนวโน้มว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะแทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันและในอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ใครที่ทำงานด้านกฎหมายก็อาจจะต้องศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล หรือทีมพัฒนาโปรดักต์ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับระบบที่จะเปลี่ยนเป็นแบบกระจายศูนย์กันมากขึ้นเช่นกัน
บทเรียนที่ได้จากเส้นทางที่ผ่านมา
สิ่งหนึ่งที่วงการไอทีสอนพี่อ๊อฟคือความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ฉะนั้นเราจึงต้องรู้จักรับมือกับความเปลี่ยนแปลง วิ่งตามความเปลี่ยนแปลงนั้นให้ทัน และอย่าลืมหาโอกาสที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นด้วย
ที่สำคัญที่สุดคือต้องกล้าตัดสินใจก้าวไปข้างหน้า แน่นอนว่าการก้าวไปแต่ละก้าวย่อมมีโอกาสที่เราจะล้มเหลว แต่ความล้มเหลวนี้เองที่จะกลายเป็นบทเรียนให้เราสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงแข็งแรงมากขึ้น
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อพูดถึง Personal…