เค อรรถกฤต: ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO แห่ง Bitkub Online

Home » Career Fact » Interview » เค อรรถกฤต: ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO แห่ง Bitkub Online

อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของ Bitkub?

ฝ่าฟันความลำบากของการทำสตาร์ทอัพช่วงแรกไปได้อย่างไร?

อนาคตของคริปโทเคอร์เรนซีจะเป็นอย่างไร?

 

ตอบคำถามเหล่านี้ไปพร้อมกับ ‘พี่เค’ อรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO แห่ง Bitkub Online

 

ชีวิตวัยเรียน

ครอบครัวของพี่เคทำกิจการสิ่งพิมพ์ทำให้พี่เคคุ้นเคยกับการใช้คอมพิวเตอร์มาตั้งแต่เด็ก และจากความคุ้นเคยก็พัฒนาเป็นความชอบและความเชี่ยวชาญจนคุณครูที่โรงเรียนมักจะพาเขาไปแข่งคอมพิวเตอร์อยู่บ่อยๆ แต่เมื่อถึงเวลาเลือกคณะที่จะเข้าเรียน เขากลับเลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจแทนเนื่องจากต้องการสานต่อธุรกิจที่บ้าน

 

จุดเริ่มต้นการเป็นส่วนหนึ่งของ Bitkub

หลังเรียนจบเข้าก็ได้ดูแลธุรกิจของที่บ้านสมใจ แต่ทำได้ราว 5-6 ปีก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีศักยภาพมากกว่านี้ ประกอบกับความชอบด้านคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีก็ยังไม่หายไปไหน เขาจึงลองทำสตาร์ทอัพขึ้นมาตัวนึง ซึ่งถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ไฟในการทำธุรกิจก็ยังไม่มอดดับไป

จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาได้รู้จักกับคริปโทเคอร์เรนซีผ่านหนังสือที่ชื่อว่า ‘The Industries of the Future’ เมื่อปี 2016 ทำให้เขาอยู่ในวงการนี้นับตั้งแต่นั้น เขาศึกษาบล็อกเชนและบิตคอยน์อย่างละเอียดว่ามันทำงานอย่างไร ก่อนจะเริ่มขยับมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และตั้งใจว่าจะทำสตาร์ทอัพที่เป็นการแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี

ตอนแรกพี่เคติดต่อกับคุณต้น สกลกรย์ สระกวี ผู้ก่อตั้งและ CEO อีกคนของ Bitkub เพื่อจะหาคนมาร่วมทีมทำสตาร์ทอัพแต่กลับกลายเป็นว่าพี่เคถูกดึงตัวให้เข้ามาร่วมทีมกับ Bitkub แทน โดยตอนแรกพี่เคเริ่มด้วยตำแหน่ง Chief Operating Officer แต่เพราะแรกเริ่มบริษัทยังคนไม่เยอะทำให้เขาต้องดูฝั่งโปรดักต์ควบคู่ไปด้วยจนได้ตำแหน่ง Chief Product Officer พ่วงมาอีก ก่อนที่จะเลื่อนขั้นเป็น CEO อย่างในปัจจุบัน

 

Bitkub Group มีอะไรบ้าง

ปัจจุบันบริษัทเครือ Bitkub มีอยู่ 5 บริษัท 

  • Bitkub Capital Group Holdings เป็นบริษัทแม่ที่ถือหุ้นบริษัทลูกๆ อยู่
  • Bitkub Online เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยในปัจจุบันและเป็นบริษัทที่พี่เคดูแลอยู่
  • Bitkub Blockchain Technology เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในการสร้างบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ตัวอย่างเช่น Bitkub Coin ก็เป็นเหรียญที่ถูกพัฒนาโดยบริษัทนี้ 100%
  • Bitkub Academy แหล่งความรู้สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย
  • Bitkub Venture บริษัทที่จะลงทุนให้สตาร์ทอัพที่สร้างนวัตกรรมหรือองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับสังคม

ถ้ามองโดยรวมแล้วจะเห็นว่า Bitkub ตั้งใจจะเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้บริการแบบ One-Stop Service 

 

ความสำเร็จของ Bitkub เกิดจากอะไร

เมื่อพูดถึงความสำเร็จ แน่นอนว่าความขยันความพยายามจากทุกฝ่ายก็เป็นส่วนประกอบสำคัญ แต่สิ่งที่พี่เคบอกว่าสำคัญไม่แพ้กันคือ ‘ไทม์มิ่ง’ หมายถึงการที่รู้ว่าอะไรที่จะกลายเป็นกระแสหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าลองนึกดูว่า Bitkub ไม่ตัดสินใจสร้างศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเจ้าแรกๆ ในเมืองไทย แล้วหันไปทำซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์อื่นๆ ที่มีอยู่แล้วในตลาด Bitkub ก็อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ประกอบกับการที่ผู้บริหารทั้ง 5 คนล้วนศึกษาและขลุกอยู่ในการคริปโทฯ มานานและมักจะถกเถียงกันเพื่อให้ได้ไอเดียที่ดีที่สุดออกมาจึงทำให้สามารถปรับตัวและฝ่าฟันวิกฤตแต่ละครั้งไปได้

 

เปรียบเทียบช่วงแรกและปัจจุบัน

พี่เคบอกว่าช่วงแรกที่เริ่มก่อตั้งบริษัทกับในปัจจุบันจะค่อนข้างแตกต่างกัน โดยช่วงแรกจะเน้นการบริหารทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพราะทีมยังเล็ก คนในบริษัทไม่ได้มีเยอะ ทำให้คนนึงจะมีหลายหน้าที่และแทบไม่มีประชุมในแต่ละวันเพราะต้องทำงานให้เสร็จเร็วที่สุด พี่เคยกคำพูดของพี่ท็อปมาว่า “การทำสตาร์ทอัพคือการกระโดดลงจากหน้าผาแล้วประกอบเครื่องบินให้บินได้ให้เร็วที่สุด” รายได้ที่เข้ามาก็ยังไม่เยอะสวนทางกับรายจ่ายหลักล้าน แต่ก็ผ่านจุดนั้นมาได้เพราะมีทีมงานที่มีเป้าหมายเดียวกัน และตัวพี่เคเองก็ทำใจไว้แต่แรกแล้วว่าช่วงแรกๆ ของสตาร์ทอัพต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

ปัจจุบันพอบริษัทมีทรัพยากรมากขึ้น มีรายได้ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ความท้าทายที่ต้องเผชิญก็จะเปลี่ยนไป เพราะการที่คนเยอะก็แปลว่าต้องมีการวางระบบให้ดี ไม่อย่างนั้นการทำงานก็จะเละเทะ นอกจากนี้วัฒนธรรมองค์กรก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเพราะคนที่มากขึ้นนั้นมาพร้อมกับความคิดเห็นที่หลากหลาย

อนาคตของคริปโทฯ

ถึงแม้ปัจจุบันจะเริ่มมีการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ มีศูนย์แลกเปลี่ยนอย่าง Bitkub มีผู้ใช้งานเป็นล้านคน แต่อุตสาหกรรมนี้ก็ยังนับว่าเกิดขึ้นมาไม่นาน อย่างบิตคอยน์ก็เพิ่งเกิดขึ้นในปี 2009 

ปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัลจะใช้เป็นสกุลเงินแลกเปลี่ยนเป็นส่วนใหญ่ แต่ความจริงแล้วสินทรัพย์ดิจิทัลจะหรือบล็อกเชนนั้นสามารถทำได้มากกว่านั้นเยอะ พี่เคบอกว่าอีกหน่อยเราจะสามารถ ‘Tokenize’ หรือเปลี่ยนกรรมสิทธิ์สิ่งของที่มีมูลค่า เช่น เพชรพลอย ทองคำ ที่ดิน หรือรถยนต์ ให้อยู่ในรูปแบบโทเคนได้ แล้วเราจะสามารถนำโทเคนเหล่านี้มาประเมินสถานะทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลได้ อีกหน่อยสิ่งที่เทรดกันใน Bitkub.com อาจจะไม่ใช่แค่บิตคอยน์แต่จะมีโทเคนหุ้นของบริษัทต่างๆ หรือกรรมสิทธิ์รถยนต์ใน Ecosystem ที่มีขนาดใหญ่และเชื่อมต่อกันทุกอุตสาหกรรม 

วงการประกันหรือ Supply Chain ก็สามารถทำ Smart Contract (การบันทึกข้อตกลงของสัญญาที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านคนกลาง เช่น ธนาคาร รัฐบาล โบรกเกอร์ ตัวแทนหรือทนาย) ด้วยบล็อกเชนได้ 

พูดได้ว่าบล็อกเชนคือเทคโนโลยีสำคัญในช่วงเวลาที่ประเทศปรับตัวในยุคดิจิทัลและจะกลายเป็นสินทรัพย์กระแสหลักในอนาคต ไม่ใช่แค่ของคนกลุ่มเล็กๆ อย่างในปัจจุบัน

 

จัดการกับความเครียดอย่างไร

ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ กิจกรรมหรืองานอดิเรกที่พี่เคจะทำผ่อนคลายความเครียดคือออกกำลังกาย โดยจะชอบว่ายน้ำเป็นพิเศษ แต่ในเมื่อว่ายน้ำไม่ได้ พี่เคก็หันมาอ่านหนังสือแทน หนังสือที่พี่เคแนะนำนอกเหนือจาก ‘The Industries of the Future’ คือ ‘The Lean Startup’ เขาเสริมว่าถ้าเขาได้อ่านเล่มนี้ก่อนทำสตาร์ทอัพตัวแรก มันก็อาจจะออกมาดีกว่านี้ก็เป็นได้ อีกเล่มคือ ‘The E-Myth Revisited’ ที่พี่เคบอกว่าเหมาะกับผู้ประกอบการ SME ที่ประสบความสำเร็จในช่วงแรกแต่ไม่สามารถสเกลให้เติบโตจนก้าวข้ามความเป็นธุรกิจขนาดเล็กไปได้

 

บทเรียนที่อยากฝาก

หลายคนอาจจะเห็นเรื่องราวความสำเร็จของสตาร์ทอัพตัวดังอย่าง Uber, Grab หรือ AirBNB จนติดภาพว่าการทำสตาร์ทอัพไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตัวอย่างเหล่านั้นเป็นเพียง 1% ในความเป็นจริงมีสตาร์ทอัพอีก 99% ที่ไม่ประสบความสำเร็จ (ที่ใส่ความพยายามทุ่มเทไปไม่แพ้กับผู้ชนะอีก 1%) แต่ถ้ารู้ทิศทางของกระแส รู้ว่ายุคนี้เป็นยุคของอะไร แล้วโฟกัสถูกจุด โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะเพิ่มมากขึ้น

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน