มุมมองต่อความล้มเหลวของเหล่าผู้ประกอบการระดับโลก

Home » Career Fact » Inspiration » มุมมองต่อความล้มเหลวของเหล่าผู้ประกอบการระดับโลก

หากเราจะทำการใหญ่ เราต้องเป็นคนที่ปราศจากความกลัวที่จะล้มเหลว จริงหรือไม่?

วันนี้ Career Fact จะเล่าถึงมุมมองต่อความล้มเหลวของเหล่าผู้ประกอบการระดับโลกอย่าง Larry Page ผู้ร่วมก่อตั้ง Google, Elon Musk ผู้ร่วมก่อตั้ง Tesla และ Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์

พวกเขาไม่กลัวที่จะล้มเหลวเลยจริงหรือ? หาคำตอบได้ที่นี่

คนส่วนมากกลัวความล้มเหลว และมักเลือกที่จะทิ้งไอเดียอันแปลกใหม่ของตัวเองไว้กลางทาง เพื่อหันกลับไปสู่เส้นทางปลอดภัยที่เหมือนกับคนทั่วไป เช่น แทนที่เราจะลองนำไอเดียของเรามาสร้างสินค้าชนิดใหม่ เรากลับเลือกขายของชนิดเดียวกับคนอื่น เพียงเพราะเราเห็นพวกเขาประสบความสำเร็จ

หากทุกคนกลัวความล้มเหลวเช่นนี้ การที่เราจะเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอย่าง Larry Page, Elon Musk, Jack Dorsey เราต้องเป็นคนที่ปราศจากซึ่งความกลัวที่จะล้มเหลวเหรอ?

คำตอบคือ “ไม่” เราไม่ต้องเป็นคนที่ปราศจากความกลัว เพราะพวกเขาเหล่านั้นล้วนมีความกลัวเหมือนกับพวกเราทั้งสิ้น เพียงแต่พวกเขา ‘กลัวมากกว่าหากพวกเขาไม่ลองลงมือทำอะไรเลย’

ในชีวิตของเรา เรามีความล้มเหลวอยู่สองประเภทหลักๆ คือ การลงมือ และการไม่ลงมือทำ เราสามารถเลือกได้ว่าเราต้องการที่จะล้มเหลวแบบไหน ระหว่างลองลงมือสร้างธุรกิจที่สุดท้ายอาจจะพังอย่างไม่เป็นท่า หรือ เราจะเลือกที่จะไม่ลองทำอะไรเลย

หลายคนมักมีความคิดที่ว่า หากเราลงมือทำอะไรแล้วล้มเหลว เราจะคิดเสียดายทีหลังว่า “ถ้าเรารู้อย่างนี้ เราไม่น่าทำมันเลย” แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเราได้ลองมองย้อนกลับไป เราจะพบว่าสิ่งที่เราเสียดายส่วนมาก ไม่ใช่สิ่งที่เราได้ลงมือทำ แต่เป็นสิ่งที่เราไม่ได้ลงมือทำมากกว่า ไม่ว่าจะ เสียดายที่ไม่ได้ลงทุนในธุรกิจเมื่อมีโอกาส หรือ เสียดายที่เราไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อน และครอบครัวให้มากกว่านี้

ความเสียดายจากการลงมือทำแล้วพลาดไม่ใช่ความล้มเหลว เพราะ ‘ความล้มเหลวที่แท้จริงเกิดจากการที่เราไม่ลงมือทำ’ ต่างหาก

นอกจากนี้ เหล่านักคิดค้นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกทั้งสามคนยังมีอีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจว่า “อย่ามองอุปสรรค และความล้มเหลวเป็นจุดจบสิ้น แต่จงมองว่านี่คืออีกขั้นที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ”

เพราะคนเราเรียนรู้จากความผิดพลาดได้มากกว่าจากความสำเร็จ ตัวอย่างเช่น การส่งกระสวยอวกาศออกไปไม่สำเร็จเป็นแรงกระตุ้นช่วยให้เรากลับไปย้อนดูว่าเราทำอะไรพลาดไป เพื่อที่เราจะได้แก้ และทำให้สำเร็จ แต่หากเราทำสำเร็จมาโดยตลอด เราจะเริ่มหยิ่งพยองกับความสำเร็จของตัวเอง เช่น Space Shuttle Challenger Disaster ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหลังการส่งกระสวยอวกาศสำเร็จไป 24 ครั้งของนาซ่า เพราะนาซ่ามั่นใจมากเกินไปว่าพวกเขาไม่มีทางทำพลาด

นอกจากนี้ การที่ผู้ที่ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ต้องพบเจอกับความผิดพลาด ความล้มเหลว และการถูกปฏิเสธนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกแต่อย่างใด เพราะพวกเขาไม่สามารถทำนายอนาคตล่วงหน้าได้เลยว่า ในอนาคต เทคโนโลยีจะเป็นอย่างไร และพฤติกรรมของคนจะเปลี่ยนไปแค่ไหน

ตัวอย่างของบุคคลอื่นๆ ที่ผ่านความล้มเหลวมานับไม่ถ้วนก่อนที่จะประสบความสำเร็จ

Larry Page และ Sergey Brin (ผู้ร่วมก่อตั้ง Google) เคยถูกผู้ซื้อปฏิเสธข้อเสนอขายเสิร์ชเอนจินของพวกเขาที่มีราคาสองล้านดอลล่าร์สหรัฐ

J. K. Rowling ถูก 12 สำนักพิมพ์ปฏิเสธการตีพิมพ์นวนิยาย Harry Potter ของเธอ ก่อนจะได้รับการตีพิมพ์จากสำนักพิมพ์ Bloomsbury

Pablo Picasso จิตรกรเอกของโลก ผลิตผลงานจิตรกรรมมามากกว่า 20,000 ชิ้นก่อนที่จะสามารถสร้างผลงานชิ้นเอกของเขาได้

จะเห็นได้ว่า บุคคลที่เป็นผู้ริเริ่มหรือผู้ที่ได้ทิ้งชื่อเสียงของตัวเองไว้ล้วนแต่เคยล้มเหลว ผิดพลาด และโดนปฏิเสธมาทั้งนั้น แต่สุดท้ายพวกเขากลับได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กลับมา เพราะพวกเขาพลาด แต่พวกเขาไม่ย่อท้อ และยังคงตั้งหน้าตั้งตาที่จะทุ่มเท และรอวันที่โลกจะตอบแทนความพยายามของพวกเขา

ดังนั้น หากเราลองทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ จงรู้ไว้ว่า เป้าหมายที่เราตั้งไว้นั้นสูงมากพอสำหรับความพยายามแล้ว และวันหนึ่งความสำเร็จก็จะตอบแทนเราเหมือนกับที่มันได้ตอบแทนบุคคลเหล่านี้เช่นกัน

 

อ้างอิง
https://bit.ly/32huTq7

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน