Ma Huateng: เจ้าของ Tencent จากเดฟเงินเดือนหลักพัน สู่คนที่รวยที่สุดในจีน

Home » Career Fact » Business » Ma Huateng: เจ้าของ Tencent จากเดฟเงินเดือนหลักพัน สู่คนที่รวยที่สุดในจีน

ม่า ฮั่วเถิง (Ma Huateng) จากโปรแกรมเมอร์เงินเดือน 5000 สู่คนที่รวยที่สุดในจีน

เมื่อผู้ที่รวยที่สุดในประเทศจีนไม่ใช่แจ็ค หม่า (Jack Ma) อีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นชายที่ชื่อว่า “หม่า ฮั่วเถิง (Ma Huateng)” ผู้เป็นทั้งนักธุรกิจ นักลงทุน วิศวกร ผู้ประกอบการ และผู้สร้างอาณาจักรมูลค่าล้านล้านบาททางธุรกิจอย่าง “เทนเซ็นต์ (Tencent)” ขึ้นมา

หม่า ฮั่วเถิงมักให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าโชคชะตามีส่วนสำคัญในความสำเร็จของอาณาจักรของเขา เขามองว่าความสำเร็จของเทนเซ็นต์นั้นมาจาก ‘โชคชะตา’ และ ‘ยุคสมัย’ รวมเข้าด้วยกัน และเทนเซ็นต์ก็ยังคงเป็นที่รักของโชคชะตามาจนถึงทุกวันนี้

 

ฮั่วเถิงในวัยเด็ก

หม่า ฮั่วเถิง (Ma Huateng) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โพนี่ หม่า (Pony Ma) เกิดในเมืองเฉาหยาง ประเทศจีน เมื่อพ่อของเขาได้รับงานเป็นผู้จัดการท่าเรือที่เซินเจิ้น ฮั่วเถิงก็ได้เดินทางไปอยู่ที่เซินเจิ้นกับพ่อของเขา เขาจึงได้เข้าเรียนในคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเซินเจิ้น และเรียนจบในปี 1993

งานแรกหลังจากเรียนจบ เขาเข้าทำงานเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่บริษัท China Motion Telecom Development ซึ่งในตอนนั้นเขามีรายได้เพียง 176 ดอลลาร์ต่อเดือนเท่านั้น(ประมาณ 5,600 บาท) และในช่วงเวลาเดียวกันเขายังทำงานให้กับบริษัท Shenzhen Runxun Communications ด้านการวิจัยและพัฒนาบริการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต

 

ก่อตั้งเทนเซ็นต์

ในปี 1998 ฮั่วเถิงและเพื่อนจากมหาวิทยาลัยอีก 4 คนของเขาได้ก่อตั้งบริษัทเทนเซ็นต์ขึ้น หลังจากฮั่วเถิงได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังการนำเสนอของ ICQ ซึ่งเป็นบริการส่งข้อความในทันทีผ่านอินเทอร์เน็ต (Internet Instant Messaging) รายแรกของโลกที่ก่อตั้งในอิสราเอลเมื่อปี 1996

ในเดือนกุมภาพันธ์ปีต่อมา เทนเซ็นต์ได้เปิดตัวผลิตภัณ์แรกของบริษัท เป็นผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกับ ICQ แต่มีอินเทอร์เฟซเป็นภาษาจีน และตั้งชื่อว่า OICQ ซอฟต์แวร์นี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม และมีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านคนภายในปีแรก และในไม่ช้า OICQ ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการแชทผ่านอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
ในช่วง 2-3 ปีแรกการบริหารเทนเซ็นต์นั้นยากและเต็มไปด้วยอุปสรรค พวกเขาต้องพิสูจน์ว่าบริษัทมีศักยภาพมากพอที่จะเติบโตต่อไปได้ เป็นเหตุให้ฮั่วเถิงต้องทำงานหลากหลายหน้าที่มากในบริษัทตั้งแต่ภารโรงจนถึงเว็บไซต์ดีไซเนอร์

 

โดนฟ้องร้อง

หลังจากเปิดตัว OICQ ก็ได้เกิดข้อขัดแย้งขึ้นหลายครั้ง เทนเซ็นต์ถูกฟ้องร้องโดย America Online (AOL) โดยอ้างว่าชื่อโดนเมนของ OICQ ทั้ง .com และ .net ละเมิดสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของ ICQ ผลสุดท้ายคือเทนเซ็นต์แพ้คดี บริษัทต้องจ่ายเงินค่าเสียหายให้ AOL เป็นจำนวนมากและปิดทั้งสองเว็บไซต์

ฮั่วเถิงได้ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อซอฟต์แวร์เป็น QQ และขยายธุรกิจต่อไป อย่างไรก็ตาม QQ ไม่ได้ไปได้ดีอย่างที่ฮั่วเถิงหวังไว้ ในช่วง 3 ปีแรกแม้ว่า QQ จะสร้างความนิยมในหมู่คนจีนได้แทบจะทันที แต่บริษัทกลับแทบจะไม่มีกำไรเลย เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ได้ฟรี ฮั่วเถิงจึงต้องมองหานักลงทุนและเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อรองรับกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

เทนเซ็นต์ได้เข้าสู่ตลาดโทรคมนาคมของจีนเพื่อแสดงรายได้และหลีกเลียงการเข้าซื้อกิจการโดยบริษัทที่ใหญ่กว่า และสร้างเว็บพอร์ทัลเป็นของตัวเองในชื่อ QQ.com ในปี 2003 และนั่นคือจุดเริ่มต้นชองเทนเซ็นต์ในตลาดเกมออนไลน์

 

ขยายอาณาจักรเทนเซ็นต์

ภายในระยะเวลา 1 ปี ความสำเร็จของเทนเซ็นต์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นผู้ให้บริการแชทที่ใหญ่ที่สุดในปี 2004 และในไม่ช้าเทนเซ็นต์ก็ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเช่นกัน ทำให้บริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 200 ล้านดอลลาร์ และทำให้ฮั่วเถิงกลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจชาวจีนที่ร่ำรวยที่สุดในทันที

ในปี 2004 ด้วยหัวทางการค้าที่ดีของฮั่วเถิง เขาเริ่มมีไอเดียใหม่ๆ มากมายในด้านอุตสาหกรรมเกมออนไลน์ เช่น การขายสินค้าเสมือนจริงในเกมออนไลน์ (Virtual goods) เพื่อดึงดูดให้คนเล่นเกมมากขึ้น ซึ่งสิ่งนั้นสร้างอิทธิพลให้กับบริษัทได้มากเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันฮั่วเถิงเริ่มคิดเกี่ยวกับการเข้าสู่อุตสาหกรรม E-Commerce ซึ่งเป็นอีกอุตสาหกรรมที่โตเร็วและกำไรสูง

ในปี 2005 ฮั่วเถิงเปิดตัวแพลตฟอร์ม E-Commerce ชื่อว่า “Paipai” ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของ Alibaba ของแจ็ค หม่า ณ ตอนนั้นเทนเซ็นต์ได้กลายเป็นบริษัทที่ทรงอิทธิพลทั้งในอุตหสาหกรรมเกมออนไลน์ E-commerce สื่อ ความบันเทิง และบริการแชทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในปี 2011 เทนเซ็นต์ได้เปิดตัวแอปอีกแอปหนึ่งที่สำคัญก็คือ “Wexin” หรือที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า “WeChat” ซึ่งเป็นแอปที่ให้บริการแชทคล้ายกับ Line ที่เรารู้จักกันดี สำหรับการพัฒนาแอปในครั้งนี้ ฮั่วเถิงได้นำวิธีที่บิล เกตส์ (Bill Gates) ใช้พัฒนา Microsoft มาปรับใช้ นั่นคือการสร้างทีมสองทีมขึ้นมาเพื่อช่วยกันพัฒนาแอปไปคู่กัน

เมื่อเวลาผ่านไป WeChat ได้กลายเป็นแอปแชทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้ทีมพัฒนาแอปฯ ที่สร้างหน้าตาแอปฯ ให้ออกมาได้ใช้งานง่าย ทั้งยังมีอีโมติคอนและเสียงเรียกเข้าให้เลือกใช้มากมายทั้งแบบฟรีและเสียเงิน

ฮั่วเถิงได้กำไรส่วนมากจากธุรกิจเกมออนไลน์ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญในช่วงปี 2010 เพราะในขณะนั้นอินเทอร์เน็ตกำลังเป็นที่แพร่หลายทั่วโลก และเทนเซ็นต์เกม (Tencent Games) ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้ Tencent Interactive Entertainment หลังจากนั้นเทนเซ็นต์เกมก็ได้กลายเป็นบริษัทวิดีโอเกมยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกในปี 2018 จนถึงปัจจุบัน

นอกเหนือจากการบริหารเกมภายในบริษัทแล้ว เทนเซ็นต์ยังถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเกมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น Roit Games ผู้ผลิตเกมแนว MOBA ชื่อดังอย่าง League of Legends และ Supercell ผู้ผลิตเกมในสมาร์ทโฟนอย่าง Clash of Clans

ส่วนกิจการอื่นๆ ก็มีทั้งระบบการชำระเงินออนไลน์ Tenpay และบริษัทผลิตภาพยนต์ Ten Pictures ในปี 2014 เทนเซ็นต์ยังได้ร่วมงานกับบริษัทผลิตเพลงยักษ์ใหญ่หลายบริษัท ทั้ง Sony และ Warner Music Group ในการทำสัญญาจัดจำหน่ายในประเทศจีน

 

รวยที่สุดในจีน

ในเดือนมีนาคมปี 2018 หม่า ฮั่วเถิงได้รับการประเมินว่ามีสินทรัพย์สุทธิ 51,000 ล้านดอลลาร์ แซงหน้าแจ็ค หม่า (ซึ่งในขณะนั้นมีสินทรัยพ์สุทธิ 48,000 ล้านดอลลาร์) และขึ้นเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศจีน (อันดับที่ 14 ของโลก) นอกจากนี้เขายังเป็นนักธุรกิจชาวจีนคนแรกที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes ให้อยู่รายชื่อ 10 อันดับแรกของผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

ในปีล่าสุดฮั่วเถิงมีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มมากเขึ้นเป็น 59,000 ล้านดอลลาร์จากการรายงานของ Bloomberg และยังคงครองบัลลังก์ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในจีนจนถึงปัจจุบัน

ฮั่วเถิงไม่ได้มีดีแค่รวยอย่างเดียว ผู้คนต่างยกย่องให้เขาเป็นสุดยอดในหลายๆ ด้าน นิตยสาร Time เคยเรียกหม่า ฮั่วเถิงว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกถึง 3 ครั้งในปี 200, 2014, 2018 นิตยสาร Forbes จัดอันดับให้เขาเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกในปี 2015 นิตยสาร Fortune จัดอันดับให้เขาเป็นที่สุดของนักธุรกิจในปี 2017 และเขายังถูกเสนอชื่อในทำนองเดียวกันอีกหลายต่อหลายครั้งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

“กุญแจสำคัญในการฟันฝ่าความยากลำบากคือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างไม่ลดละ” – หม่า ฮั่วเถิง

 

รู้หรือไม่

ชื่อ “โพนี่ หม่า” นั้นมาจากชื่อของเขา “ฮั่วเถิง” ในภาษาจีนที่แปลว่าม้า และชื่อบริษัทเทนเซ็นต์ของเขาก็มาจากการเล่นคำที่เกี่ยวกับม้าเช่นกัน ซึ่ง “Tencent” เป็นการเล่นเสียงจากภาษาจีนคำว่า “Teng” ซึ่งแปลว่าการควบม้า และ “Xun” ที่แปลว่าข้อความ

 

อ้างอิง
https://bit.ly/3hhKc9D
https://bit.ly/3hhs7sc
https://bit.ly/3hxBuE5

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน