Netflix Syndrome: ไถ Netflix เป็นชั่วโมงแต่ไม่ดูสักเรื่อง

Home » Career Fact » Development » Netflix Syndrome: ไถ Netflix เป็นชั่วโมงแต่ไม่ดูสักเรื่อง

เคยเป็นไหมเวลาที่เราเลื่อนหาหนังดูในเน็ตฟลิกซ์ แต่หานานเท่าไรก็ไม่มีเรื่องที่ถูกใจสักเรื่อง?

เมื่อก่อนการดูหนังสักเรื่องนั้นง่ายมาก เราแค่ต้องเปิดทีวี แล้วก็ดูหนังหรือรายการทีวีที่ฉายอยู่ขณะนั้น เพราะว่าเราเลือกอะไรไม่ได้ พอมาถึงทุกวันนี้เรามีหนังให้เลือกดูนับไม่ถ้วนบนแพลตฟอร์มต่างๆ แต่ตัวเลือกมากมายนี้กลับทำให้เราเลือกไม่ถูกว่าจะดูอะไรดี และกลายเป็นอุปสรรคต่อการดูหนังของเราเอง

อาการลักษณะนี้เรียกว่า ‘Netflix Syndrome’ และวันนี้ Career Fact จะพาทุกคนไปรู้จักกับอาการนี้กัน

 

อาการเน็ตฟลิกซ์ซินโดรมคืออะไร

อาการเน็ตฟลิกซ์ซินโดรม ไม่ได้หมายถึงแค่เวลาที่เราเลือกดูหนังเพียงอย่างเดียว จริงๆ แล้วอาการนี้เกิดขึ้นในเวลาที่เรามีตัวเลือกอะไรก็ตามให้เลือกเยอะๆ เราจึงอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง แต่สุดท้ายเรากลับเลือกอะไรไม่ได้เลย

สมมติว่าเราเหมือนจะเจอหนังหนึ่งเรื่องที่ถูกใจแล้ว บางทีเราก็ยังคิดต่อว่า มันอาจจะมีหนังที่สนุกกว่านี้อยู่อีกก็ได้ แล้วก็กลับไปเลื่อนหาหนังดูต่อ แล้วเราก็ทำแบบนี้เป็นลูปวนไปเรื่อยๆ จนเริ่มเหนื่อยและขี้เกียจเกินกว่าจะดูหนังสักเรื่อง ก็เลยเลือกที่จะไม่ดูเลยดีกว่า

 

มีทางเลือกเยอะใช่ว่าจะดี

ดร.แบร์รี ชวาร์ตส (Barry Schwartz) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เขียนหนังสืออธิบายเหตุการณ์ลักษณะนี้ว่า ‘The Paradox of Choice’ หรือความย้อนแย้งของการมีตัวเลือก ซึ่งอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่า เมื่อเรามีทางเลือกเยอะ แทนที่เราจะรู้สึกดีจากการได้เลือก เรากลับกลัวว่าจะเลือกได้ไม่ดีพอแทน เพราะคนเราชอบตั้งความคาดหมายสูงเวลาจะเลือกทำอะไรสักอย่าง และหลายครั้งเราก็ไม่เลือกอะไรเลย เพราะกลัวว่าจะเลือกผิดและไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปกับการวิเคราะห์ทางเลือก

เมื่อปี 2000 มีการทดลองหนึ่งของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียชื่อว่า ‘Jam Study’ ให้คนที่มาเดินซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งเลือกซื้อแยมแบรนด์ต่างๆ จาก 2 โต๊ะ โดยโต๊ะแรกมีแยม 24 อยู่ยี่ห้อ ส่วนโต๊ะที่สองมีแยมอยู่ 6 ยี่ห้อ แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินมาดูโต๊ะที่ 1 เพราะว่ามีให้เลือกมากกว่า แต่กลับพบว่ามีคนเพียงแค่ 3% จากคนที่มาดูสินค้าทั้งหมดเท่านั้นที่ซื้อแยมจริงๆ เปรียบเทียบกับโต๊ะที่สองที่ถึงแม้ว่าจะมีแยมให้เลือกน้อยกว่า แต่มีคนซื้อแยมจริงๆ ถึง 1 ใน 3 ของคนที่มาดูสินค้าทั้งหมด

20 ผ่านไป ทุกวันนี้เรามีตัวเลือกมากกว่าในอดีตมากๆ สมองของเราไม่สามารถรองรับตัวเลือกมากมายที่เรามีทุกวันนี้ได้ ดร.แบร์รีบอกอีกว่า “ถ้าเราอยากมีชีวิตที่มีความสุข เราต้องพยายามลดตัวเลือกที่เรามี ไม่เช่นนั้นเราอาจจะตกหลุมพรางของการมีความคาดหวังที่มากเกินไปได้”

 

แล้วเราจะเลี่ยงเน็ตฟลิกซ์ซินโดรมได้อย่างไร

หลายคนตั้งคำถามว่า คนเลือกหนังดูไม่ได้เป็นเพราะเน็ตฟลิกซ์ดีไซน์หน้าเว็บไซต์ตัวเองได้ไม่ดีหรือเปล่า? ซึ่งคำตอบคือ ‘ไม่ใช่’ เว็บไซต์สตรีมมิงอย่างเน็ตฟลิกซ์ต้องการทำให้เว็บดูมีหนังให้เลือกเยอะ และคงไม่เปลี่ยนอินเทอร์เฟซเพื่อช่วยพวกเราเลือกหนังให้ตัวเองได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเน็กฟลิกซ์ไม่ทำอะไรเลย เพราะทางแพลตฟอร์มก็พยายามจัดหมวดหมู่ต่างๆ รวมถึงมีการจัดอันดับหนังที่มีคนดูมากที่สุดในแต่ละวัน เพื่ออำนวยความสะดวกพวกเรามากขึ้น

แต่ก็ยังมีสิ่งที่เราเองก็ทำได้เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากจะหาดูหนังสักเรื่อง เราอาจจะลองใช้เว็บไซต์อย่าง ‘Flixable’ และ ‘Reelgood’ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ช่วยให้เราเลือกหนังดูได้ง่ายมากขึ้น โดยเว็บไซต์เหล่านี้ จะรวบรวมคะแนนจากทั้งเว็บไซต์วิจารณ์หนังชื่อดังอย่าง IMDB และ Rotten Tomatoes และรวมถึงมีการแบ่งแยก ชื่อหนัง ปีที่ฉาย เรตติ้ง และแพลตฟอร์มที่ฉายหนังนั้นๆ เพื่อทำให้เราคัดกรองหนังที่อยากดูได้ง่ายมากขึ้น จากนั้นเราค่อยเข้าไปในเน็ตฟลิกซ์เพื่อดูหนังที่เรามีในใจแล้วได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาเลือกอย่างไม่มีจุดหมาย

 

เน็ตฟลิกซ์ซินโดรมสะท้อนนิสัยของคนเราได้ดีมากๆ บางทีคนเราพยายามหาตัวเลือกที่ ‘เพอร์เฟกต์’ มากจนเกินไป ซึ่งเอาจริงๆ แล้วมันก็ไม่มีตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้คือ เราแค่ต้องถามตัวเองว่าจริงๆ แล้วเรากำลังมองหาอะไรอยู่ ถ้าเราตอบกับตัวเองได้ เราก็จะมีความสุขกับการเลือกสิ่งต่างๆ และสำหรับใครที่เป็นคอหนัง ก็คงจะเลือกหนังบนเน็ตฟลิกซ์สักเรื่องให้กับตัวเองได้

 

อ้างอิง
https://bit.ly/2TIZFHV
https://bit.ly/3yva2Ob
https://bit.ly/2UnwSZr

 

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน