การต้องดูแลทีมที่มีขนาดใหญ่นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะคุณคงไม่สามารถใส่ใจเป็นรายคนหรือให้ความสำคัญกับทุกคนได้ยิ่งคนในทีมเยอะก็ยิ่งรู้สึกว่าการสร้างสมดุลระหว่างงานของตัวเองและการบริหารทีมเป็นเรื่องยากแต่ถ้าหากคุณสามารถจัดการทีมขนาดใหญ่และสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ คุณก็อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัทของคุณไปเลยก็ได้
เคล็ดลับ 5 ข้อในการจัดการกับทีมขนาดใหญ่
1. สร้างความสัมพันธ์
การสร้างความสัมพันธ์กับคนในทีมคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
เป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้นำทีมขนาดใหญ่ต้องคอยติดตามความคืบหน้าของคนในทีม ไม่ใช่ทุกคนที่จะขอความช่วยเหลือเมื่อเจอปัญหา หรือต่อให้ทุกอย่างราบรื่นก็คงไม่ได้มีคนมาคอยอัปเดตตลอดอยู่ดี ดังนั้นคุณในฐานะหัวหน้าหรือคนดูแลทีมจึงต้องเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน
ถ้าต้องการให้คนในทีมอัปเดตกับคุณบ่อยๆ คุณก็แค่ต้องเป็นฝ่ายทำแบบนั้นก่อน เมื่อทุกคนรับรู้ข้อมูลของทุกฝ่ายก็จะช่วยให้ไม่มีใครพลาดทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ช่วยในการตัดสินใจได้รอบคอบขึ้น และไม่ทำให้คนในทีมรู้สึกว่าโดน Micromanagement ด้วย
2. มอบหมายทุกอย่าง
ไม่มีใครทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้ การมอบหมายงานเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อต้องจัดการทีมใหญ่
คุณควรพยายามเคลียร์ตารางเวลาของตัวเองให้มากที่สุดด้วยการจ่ายงาน (ที่สามารถจ่ายได้) ให้คนอื่น เพื่อให้คุณมีเวลาพบปะกับทีม มีเวลาวางแผนการฝึกอบรมเพื่อให้พวกเขาดีขึ้น และมีเวลาอัพเดทเจ้านายของคุณ
ถ้ากลัวว่างานจะออกมาไม่ดีเท่าทำเอง ก็อาจจะช่วยสอนงานพวกเขาก่อนในช่วง 2-3 ครั้งแรกที่คุณมอบหมายงานให้คนในทีม หรือให้พวกเขาส่งคืนให้คุณเพื่อจะได้ตรวจทานดูก่อน วิธีนี้จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าคุณต้องการอะไร และเวลาที่คุณเสียไปกับระยะแรกจะคุ้มค่าในระยะยาวเมื่อคุณสามารถมอบหมายงานให้กับพนักงานคนนั้นทำเองได้เลย แถมพนักงานเองมีแนวโน้มที่จะได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงเมื่อได้รับผิดชอบงานหรือโปรเจกต์ที่ขยายขอบเขตจากเดิม
3. มอบอำนาจให้ทีมตัดสินใจ
การจัดการทีมที่ดีไม่ใช่การตัดสินใจทุกอย่างแทน แต่คือการผลักดันให้ทีมกล้าตัดสินใจ
เพราะคนในทีมคือคนที่ใกล้ชิดกับงานมากกว่า ทำให้มีข้อเสนอแนะที่ดีว่าควรทำอะไร เมื่อนำมารวมกับข้อมูลของคุณเกี่ยวกับเป้าหมายขององค์กรในวงกว้าง ก็จะสามารถนำมาพิจารณาและตัดสินใจอย่างรอบด้านได้
หากคุณไม่ได้ถามทีมทุกวันว่า “คิดว่าเราควรทำยังไงต่อ?” แสดงว่าคุณไม่ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับทีมมากพอ
แน่นอนว่าคุณจะต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ของทีมในระดับผู้บริหาร แต่สิ่งสำคัญสำหรับคนในทีมคือพวกเขาต้องมีส่วนร่วมในการออกความเห็นด้วยเช่นกัน
4. มี Mentor
ทีมขนาดใหญ่ย่อมประกอบไปด้วยพนักงานระดับที่ต่างกัน การจัดให้มี Mentor จึงช่วยให้พนักงานที่เข้ามาใหม่เรียนรู้งานได้ไวขึ้น
แต่คนในทีมที่ได้รับมอบหมายให้เป็น Mentor อาจรู้สึกเสียเวลา จึงต้องชี้ให้เห็นสิ่งที่คนเป็น Mentor ได้ประโยชน์จากกิจกรรมนี้ด้วย นั่นก็คือ
- จะส่งผลให้พวกเขาทำงานน้อยลงในระยะยาวเพราะสามารถจ่ายงานบางส่วนไปให้คนที่สอนได้
- เปิดโอกาสให้พนักงานระดับสูงได้รับบทบาทผู้นำหรือทีม ซึ่งในที่สุดอาจนำไปสู่ตำแหน่งผู้บริหาร
5. ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดลับสุดท้ายในการจัดการทีมขนาดใหญ่ให้ประสบความสำเร็จคือการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งสำคัญคือต้องสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาทักษะด้านใดด้านหนึ่งจนเกิดความเชี่ยวชาญไปพร้อมกับการผัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้ได้ลองทำอะไรหลายหน้าที่
สิ่งที่องค์กรส่วนใหญ่ทำคือการให้คนในทีมทำงานประเภทเดียวตลอดเวลา แม้ว่าแนวทางนี้จะช่วยพัฒนาความเชี่ยวชาญ แต่หากผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นมีแค่คนเดียวแล้วเกิดลาป่วย ลาพักร้อน หรือลาออกจากบริษัทขึ้นมาแล้วไม่มีใครทำหน้าที่แทนได้ โฟลวการทำงานก็จะรวน
การหมุนเวียนพนักงานให้ลองทำอะไรหลายอย่างจะช่วยให้ทีมมีความรอบรู้ และยังช่วยให้พนักงานเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ซึ่งหมายความว่าจะมีพนักงานจำนวนมากขึ้นสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโปรเจกต์ต่างๆ ได้ เนื่องจากพวกเขามีฐานความรู้ที่รอบด้านมากขึ้น
เรียนรู้จากตัวจริงด้านการจัดการทีม
แค่ดูแลทีม 4-5 คนก็เหนื่อยแล้ว ลองจินตนาการดูว่าถ้าต้องดูแลทีมหลายพันชีวิตจะเป็นอย่างไร? หาคำตอบ ได้ในคอร์ส “The Beauty of Creation ถ่ายทอดผลงานผ่านความคิดและการสร้างสรรค์” กับ คุณยุทธนา บุญอ้อม ผู้ก่อตั้ง Big Mountain Music Festival และคลื่นวิทยุ Fat Radio
อ้างอิง https://bit.ly/3r8GdCJ https://bit.ly/3DV3KKT
Personal Branding คืออะไร? สื่อสารอย่างไร? ในวันที่ตัวตนสำคัญกว่าตัวแบรนด์

FacebookFacebookXXLINELine‘แบรนด์’ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกิจ แต่หากเราพูดถึงการสร้างแบรนด์ในปัจจุบัน Personal Branding จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนให้ความสนใจ และให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆแต่เมื่อพูดถึง Personal Branding…