Richard Branson: เจ้าของ Virgin Group ผู้ไม่เคยย่อท้อต่อความล้มเหลว

ถอดความความสำเร็จและความล้มเหลวของ ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของ Virgin Group ผู้มีที่มีชีวิตไม่ธรรมดาและเต็มไปด้วยความหลงใหล เส้นทางที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความสำเร็จและการต่อสู้ด้วยจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อของเขาจนนำมาซึ่งบริษัทในเครือมากกว่า 400 แห่งจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่นี่

 

เริ่มเส้นทางผู้ประกอบการแม้บกพร่องเรื่องการอ่านเขียน

ริชาร์ด แบรนสัน เติบโตจากเมือง Surrey ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ตอนเด็กเขาเรียนหนังสือไม่เก่ง เนื่องจากเป็นโรคดิสเล็กเซีย (Dyslexia) คือ ความบกพร่องในการอ่านและการเรียนรู้ แบรนสันในวัยเด็กจึงพยายามดิ้นรนเพื่อให้สามารถอยู่ในโรงเรียนได้ต่อไป

จนช่วงอายุ 16 ปี แววความเป็นผู้ประกอบการของเขาก็เริ่มแสดงออกมาให้เห็น เมื่อเขาตัดสินใจที่จะลาออกจากโรงเรียน และก่อตั้งนิตยสารสำหรับวัยเรียนชื่อ ‘Student’ ก่อนที่เติบโตจนกวาดรายได้จากการขายโฆษณาไปกว่า 8,000 เหรียญสหรัฐ

 

จุดกำเนิด Virgin Records

เส้นทางธุรกิจแรกแตกแขนงเป็นเส้นทางธุรกิจอื่นๆ การที่เขาอาศัยอบู่ในลอนดอนทำให้เขาคลุกคลีกับวงการเพลงในอังกฤษเป็นประจำ และนี่เองที่เป็นจุดกำเนิดของ ‘Virgin’ บริษัทขายส่งแผ่นเสียงทางไปรษณีย์ โดยเขาก่อตั้งบริษัทนี้เพื่อเป็นทุนเพิ่มเติมให้กับนิตยสารของเขา แต่สุดท้าย Virgin ก็เป็นมากกว่ารายได้เสริม เพราะตัวบริษัทนั้นทำรายได้จนสามารถทำให้เขาเปิดเป็นหน้าร้านขายแผ่นเสียงที่ถนนอ็อกซ์ฟอร์ดได้เลย

ด้วยรายได้ของบริษัทที่เติบโตทำให้ เขาเริ่มมีไอเดียที่จะขอเช่าพื้นที่เล็ก ๆ จากห้องเช่ารองเท้าที่ว่างอยู่ ซึ่งเจ้าของกลับมองว่าพวกริชาร์ดคงไม่มีทางที่จะจ่ายเงินให้เขาได้แน่ และแม้จะยากลำบากแต่ด้วยทักษะการเจรจาอันเป็นเลิศทำให้เขาสามารถซื้อใจเจ้าของตึกและเปิดร้านแผ่นเสียงขึ้นได้ ในนาม ‘Virgin Records’

จนในที่สุดจากร้านแผ่นเสียงเล็กๆ ก็ขยับขยายมากขึ้น Virgin Records ที่เซ็นสัญญากับ ไมค์ โอลด์ฟีลด์ ในฐานะศิลปินคนแรกในปี 1973 ที่น่าสนใจกว่านั้นคือเพลง “Tubuler Bells” ของเขานั้นติดชาร์ตเพลงในอังกฤษเป็นเวลานานถึง 247 สัปดาห์ นับเป็นความสำเร็จอันน่าทึ่งของศิลปินคนแรกที่ Virgin Records เซ็นสัญญา และยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถพิเศษของริชาร์ด แบรนสันในการมองเห็นพรสวรรค์ของผู้อื่นได้อย่างชัดเจน

ความสำเร็จดังกล่าวได้นำไปสู่การทำข้อตกลงกับศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น Rolling Stones, Sex Pistols ไปจนถึง Culture Club ซึ่งวงดนตรีเหล่านี้ขึ้นแท่นสร้างความนิยมและสร้างรายได้ให้กับ Virgin Records ได้อย่างมากมาย

 

จุดเปลี่ยนของริชาร์ด

จุดเด่นของบริษัทภายใต้นาม Virgin ที่ริชาร์ดสร้างคือการมีบริษัทย่อยที่ลงทุนในกิจการหลากหลายธุรกิจ ทั้ง Voyager Group และ Virgin Holidays ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลด้านการท่องเที่ยว Virgin Megastores ที่ขยับขยายกิจการด้านร้านค้าปลีกและซุปเปอร์มาร์เก็ต ไปจนถึง Virgin Atlantic บริษัทสายการบิน แต่ความสวยงามที่เกิดขึ้นย่อมมีวันโรยรา เพราะในปี 1992 ริชาร์ดจำเป็นต้องตัดสินใจขาย Virgin Records ให้กับ THORN EMI ในราคา 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือปัญหาทางการเงินของบริษัท Virgin Atlantic ในท้ายที่สุด

แม้การขาย Virgin Records จะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับริชาร์ด ทั้งยังสร้างบาดแผลทางจิตใจให้เขา มีข่าวลือว่าเขาถึงกับร้องไห้ในขณะที่เซ็นสัญญาขายกิจการเลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้การสูญเสียดังกล่าวหยุดยั้งเขาจากการแสวงหาความสำเร็จอื่นๆ ในธุรกิจเพลงที่เขาหลงใหล เขาจึงเดินหน้าค่อยๆ สร้างอาณาจักร Virgin Radio ในปีถัดมาหลังจากที่ขายบริษัทเก่าไป จนในที่สุด 3 ปีต่อมาเขาสามารถก่อตั้งบริษัทแผ่นเสียงแห่งที่สองด้วยมือของเขาในชื่อ V2 Record และยังคงเดินหน้าคล้ายกับเส้นทางสายเก่าด้วยการเซ็นสัญญากับศิลปินเข้าสู่สังกัด เช่น Tom Jones และ Powder Finger

 

ก้อนหินแห่งความล้มเหลว

หากการขาย Virgin Records นับว่าเป็นความล้มเหลวในแง่ธุรกิจ นั่นคงต้องรวมถึงการที่ริชาร์ดเผชิญกับความล้มเหลวทางธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะกับทั้ง Virgin Cola ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐอเมริกาเพียง 0.5% และต้องหยุดผลิตเครื่องดื่มไปในปี 2012 Virgin Brides ที่เป็นกิจการที่มีอายุสั้นโดยเปิดสถานที่ต่าง ๆ ในอังกฤษในปี 1996 ร้านสุดท้ายปิดตัวลงในปี 2007

แน่นอนว่าแม้กิจการหลายอย่างของริชาร์ดอาจปิดตัวลง แต่เขาแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่ไม่อาจมีสิ่งใดมาหยุดยั้งในสิ่งที่เขามุ่งมั่น เขาคือผู้ที่เรียนรู้จากความล้มเหลวทุกครั้ง และใช้ความล้มเหลวเหล่านั้นเป็นเหมือนก้อนหินให้เหยียบเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต อีกทั้งวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์ของเขาที่มุ่งมั่นกับการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายโดยไม่ต้องกลัวการสูญเสีย

 

ความหลากหลายทางธุรกิจ

ความล้มเหลวทั้งมวลไม่สามารถหยุดความคิดและการก้าวไปข้างหน้าของริชาร์ดได้ เขาร่วมมือกับ Scaled Composites เพื่อก่อตั้ง The Spaceship Company ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานอวกาศผ่านการถือครองของ Virgin Group และในปัจจุบันก็คือบริษัท Virgin Galactic บริษัทพัฒนายานอวกาศเชิงพาณิชย์ที่ริชาร์ดก่อตั้งขึ้นมาเพื่อที่เขาจะได้สานต่อความฝันในการสำรวจอวกาศและนำประสบการณ์ดังกล่าวส่งต่อผู้คนจำนวนมากขึ้น

ธุรกิจนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของริชาร์ดในการก้าวต่อไปแม้จะล้มเหลวในอดีต แม้ว่าในปี 2014 การบินทดสอบครั้งแรกจะไม่ประสบผลสำเร็จดังที่ใจหวัง แต่ในปี 2018 SpaceShipTwo (SS2) ของ Virgin Galactic ก็สามารถประสบความสำเร็จในการบินทดสอบระบบการเข้าสู่ชั้นบรรยากาศครั้งแรกของยาน จนสามารถสร้างฐานลูกค้าจับจองตั๋วเที่ยวบินอวกาศมากกว่า 700 ราย ก่อนที่ตอนหลังริชาร์ดจะออกแถลงการณ์ว่าพวกเขาไม่น่าจะไปเยี่ยมชมอวกาศในอีกหกเดือนข้างหน้าและรู้สึกผิดหวังอย่างมากกับเรื่องนั้น แต่ความมุ่งมั่นที่ต้องการจะก้าวสู่อวกาศและอนาคตของก็เขาไม่ได้จบเพียงเท่านั้น ด้วยการลงทุนของเขาใน Hyperloop One ซึ่งเป็นบริษัทที่สร้างการขนส่งความเร็วสูง ยังคงสร้างความตื่นเต้นให้กับโลกและผู้คนจำนวนมาก

 

ริชาร์ดผู้ใจบุญ

สำหรับริชาร์ด แบรนสัน ทุกคนอาจจะมองเขาว่าเป็นผู้สร้างความมั่งคั่ง แต่เขาไม่ได้ทะเยอทะยานเพื่อสร้างความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียว เขาเชื่อในการตอบแทนสังคม โดยที่เริ่มเกี่ยวข้องกับการกุศลครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 17 ปี เขาได้รับการยอมรับในฐานะผู้ใจบุญประจำองค์กรการกุศลด้านการศึกษาที่ทำงานในประเทศแอฟริกา นอกเหนือไปกว่านั้นริชาร์ดให้คำมั่นสัญญาที่มีมูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์ในอนาคตข้างหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน

 

บทเรียนจากแบรนสัน

“อย่าอายกับความล้มเหลวของคุณเรียนรู้จากมันและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”

ประโยคที่ริชาร์ด แบรนสันแนะนำต่อการทำทุกสิ่งอย่างที่เราได้เรียนรู้จากชีวิตเขา การประสบความสำเร็จหลายครั้งหรือแม้กระทั่งความล้มเหลวมากมาย แต่ด้วยความสามารถในการมองไปข้างหน้าและก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

เราถอดบทเรียนจากเรื่องราวของริชาร์ด แบรนสันผู้ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งและการเรียนรู้จากความผิดพลาด และความเพียรพยายามนำไปสู่ความสำเร็จและความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ ท้ายที่สุดแล้วเขาแสดงให้เห็นว่าความผิดพลาดในอดีตไม่สำคัญเท่ากับการที่จะก้าวต่อไปและสร้างโอกาสไปสู่ความสำเร็จใหม่ๆ

อ้างอิง
https://bit.ly/2RZ1yiz

สูตรความสำเร็จกับ "ที่สุด" ของประเทศ

คอร์สออนไลน์กับผู้บริหาร ผู้นำทางความคิด แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

Verified by MonsterInsights